ศบ.ทก. ย้ำความจำเป็นเข้มจุดผ่านแดน สกัดอาชญากรรมข้ามชาติ
สำนักข่าวไทย Online
อัพเดต 27 มิถุนายน 2568 เวลา 20.35 น. • เผยแพร่ 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา • สำนักข่าวไทย อสมททำเนียบ 27 มิ.ย.- ศบ.ทก. ยืนยัน จนท.ปฏิบัติตามมาตรการเข้มข้นดูแลจุดผ่านแดนต่างๆ ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และเร่งหามาตรการบรรเทาผลกระทบทุกภาคส่วน ทั้งการผ่อนปรนขนส่งข้ามแดน พร้อมย้ำความจำเป็นที่ไทยเพิ่มความเข้มข้นของการควบคุมจุดผ่านแดน เพื่อปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ
พลเรือตรีสุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย และ นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ประจำวันศุกร์ที่ 27 มิถุนายน 2568
นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ที่ประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ได้รับรายงานจากฝ่ายความมั่นคงในการปฏิบัติตามมาตรการยกระดับความเข้มข้นในการดูแลบริเวณจุดผ่านแดนต่างๆ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย การดำเนินการตามมาตรการควบคุมการผ่านแดนยังคงเข้มงวด และมีการอนุโลมการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม โดยเฉพาะผู้ป่วยฉุกเฉินที่ต่องมารักษาตัวในฝั่งไทย และนักเรียน รวมถึงผู้ที่จำเป็นต้องจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวัน ซึ่งในช่วง 10 วันที่ผ่านมา ในจังหวัดสระแก้ว มีนักเรียนนักศึกษา ได้รับการอนุโลมให้เข้ามาฝั่งไทย 6,500 คน หรือประมาณ 500-700 คนต่อวัน, ผู้ป่วย 30 ราย และยังอนุโลมให้ชาวกัมพูชากลับภูมิลำเนาได้ด้วย พร้อมย้ำขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารสถานการณ์จากหน่วยงานที่รับผิดชอบในแต่ละจุดผ่านแดนอย่างใกล้ชิด และขอให้คลายความกังวล รวมทั้งขอให้เชื่อมั่นว่ารัฐบาลไทยยึดหลักสิทธิมนุษยชนและมนุษยธรรมตามที่ได้ปฏิบัติมาโดยตลอด ยังคงหารือและประสานงานกับฝ่ายกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ยังหารือมาตรการเยียวยาทางด้านเศรษฐกิจ ภายหลังจากที่นายกรัฐมนตรีได้รับฟังความกังวลของประชาชนในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว เมื่อวานนี้ (26 มิ.ย.68) และนำข้อเสนอแนะ ในประเด็นต่างๆมาหารือในที่ประชุม เพื่อพิจารณาหาแนวทางแก้ปัญหา ทั้งเรื่องรถขนส่งสินค้า ที่ทำให้เกิดการตกค้างของสินค้า เนื่องจากมีการยกระดับความเข้มข้นขึ้นของการผ่านจุดผ่านแดน ตลอดจนติดตามสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจท้องถิ่น และการขนส่งสินค้าในภาพรวม ซึ่งจะกระทบทั้งเกษตรกรในพื้นที่ ภาคธุรกิจของไทย และภาคเอกชนของไทยที่อยู่ในกัมพูชา พร้อมหารือกับกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นหน่วยงานหลัก เพื่อจัดทำมาตรการมีจุดมุ่งหมายแก้ไขและเยียวยา ผู้ที่ได้รับผลกระทบ เช่น เรื่องงบประมาณ
ที่ประชุมยังหารือถึงภารกิจของศบ.ทก.ในเรื่องการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ จากรายงาน 2 ฉบับสำคัญเมื่อวันที่ 25 เมษายน ที่ผ่านมา จากสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ ออกรายงานเกี่ยวกับการหลอกลวงทางออนไลน์ทางภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งที่สำคัญมีการระบุว่ากัมพูชาเป็นหนึ่งในที่ตั้งสำคัญของขบวนการหลอกลวงทางออนไลน์และล่าสุด และองค์กรนิรโทษกรรมสากล ได้เผยแพร่รายงานอีกฉบับเกี่ยวกับปัญหาการค้ามนุษย์และการหลอกลวงออนไลน์ในกัมพูชา ซึ่งรายงานทั้ง 2 ฉบับตอกย้ำความสำคัญและเหตุผลความจำเป็นที่รัฐบาลไทยจะต้องยกระดับมาตรฐานการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งมาตรการสำคัญอีกประการหนึ่งคือการเพิ่มความเข้มข้นของการควบคุมจุดผ่านแดน ในแนวชายแดนไทยกัมพูชา ซึ่งรัฐบาลไทยให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งกับประเด็นการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าฝ่ายกัมพูชาจะร่วมมือกับฝ่ายไทยอย่างจริงจังและจริงใจ เพื่อลดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินและเสริมสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชนทั้งสองฝ่าย ล่าสุดกระทรวงการต่างประเทศได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้เพื่อเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศร่วมมือกับไทยซึ่งจะแสดงบทบาทดังในเรื่องนี้ต่อไป
ขณะที่พลเรือตรีสุรสันต์ คงสิริ โฆษก ศบ.ทก.ด้านความมั่นคง ระบุว่า สถานการณ์ความมั่นคงในปัจจุบันยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง ในส่วนของการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ ยังคงดำเนินการตามปกติ พร้อมกับเน้นย้ำกลไกลการทำงานของไทย ว่าเป็นการดำเนินการอย่างเป็นเอกภาพ โดยมี ศบ.ทก.รับผิดชอบในการขับเคลื่อนมาตรการในการควบคุมจุดผ่านแดนต่างๆ และติดตามประเมินผลการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งบูรณาการการปฏิบัติของทุกภาคส่วน โดยมาตรการต่างๆที่กำหนด เป็นผลมาจากมติของสมช.ที่สั่งการไปยังกระทรวงกลาโหม และสั่งการต่อไปยังผู้ปฏิบัติในพื้นที่ โดยคำนึงถึงผลกระทบของประชาชนทั้งฝั่งไทยและกัมพูชา รวมถึงผู้ประกอบการขนส่งสินค้าข้ามแดน
ขณะเดียวกันผลของการตรวจเยี่ยมพื้นที่จังหวัดสระแก้วของนายกรัฐมนตรีวานนี้ มีประเด็นห่วงใยเร่งด่วนใน 2 เรื่อง คือ การผ่อนผันการนำเข้าแรงงานตามฤดูกาล หรือ แรงงานตามมาตรา 64 ของแรงงานต่างด้าว การผ่านเข้าออกของยานพาหนะขนส่งสินค้าข้ามแดน บริเวณพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังบูรพา ซึ่งในปัจจุบันมียานพาหนะขนส่งสินค้าตกค้างตามแนวชายแดนทั้งฝั่งไทยและกัมพูชาอยู่หลายราย และไม่สามารถข้ามแดนได้ โดยนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ ศบ.ทก.กำหนดมาตรการผ่อนปรนใน 2 กรณีเป็นการเร่งด่วน ซึ่งศบ.ทก.ได้หารือและมีการกำหนดแนวทาง และสั่งการไปยังเจ้าหน้าที่ เพื่อปฏิบัติในพื้นที่ต่อไป ขณะที่ ศบ.ทก.จะยังคงติดตามสถานการณ์ผู้ที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ทั้ง 7 จังหวัดด้วย
นอกจากนี้ มาตรการบรรเทาผู้ที่ได้รับผลกระทบของประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกร ผู้ค้ารายย่อย และผู้ที่ส่งออกนำเข้า ในกลุ่มของเกษตรกรมีมาตรการ 2 ระดับ คือ มาตรการเร่งด่วนและมาตรการต่อเนื่อง โดยมาตรการเร่งด่วนกำหนดตรวจสอบ การระบายสินค้าพืชผลทางการเกษตร ตามช่องทางต่างๆ โดยพาณิชย์จังหวัดเป็นผู้รับผิดชอบการประสานงาน ส่วนกลุ่มเกษตรกรก็จะประสานงานกับผู้ค้าส่ง ค้าปลีก รวมทั้งขยายช่องทางต่างๆ เช่นความร่วมมือกับสถานีน้ำมัน และการแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร เป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ
ขณะที่กลุ่มผู้ค้ารายย่อยมี 2 มาตรการ คือ มาตรการเร่งด่วน และมาตรการต่อเนื่อง โดยมาตรการเร่งด่วนจะมีการลงพื้นที่สำรวจความต้องการของผู้ค้ารายย่อย และมีการประสานจากสถานที่จัดแสดงสินค้าเพื่อระบายสินค้าของผู้ค้ารายย่อย และอบรมทักษะเพิ่มเติม รยมถึงเพิ่มช่องทางออนไลน์
ส่วนผู้นำเข้าส่งออกหรือผู้ประกอบการไทยในกัมพูชา มาตรการเร่งด่วน คือ การเร่งสำรวจสินค้าที่ตกค้างและสนับสนุนการจัดหาช่องทางขนส่งสินค้าใหม่ๆ
นางมาระตี ยังกล่าวอีกว่า กระทรวงการต่างประเทศ ได้ออกแถลงการณ์เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เพื่อความเข้าใจตจากการพยายามปั่นกระแสในสังคมออนไลน์ของฝ่ายกัมพูชา โดยรัฐบาลไทยขอยืนยันและทำความเข้าใจกับฝ่ายการ ว่ารัฐบาลไทยจะใช้ช่องทางที่เป็นช่องทางทางการเท่านั้น ในการสื่อสารกับรัฐบาลฝ่ายกัมพูชา และอยากให้ประชาชนติดตามข้อมูลจากส่วนราชการ.-315 -สำนักข่าวไทย