พลเมืองตื่นรู้สู้ภัยคุกคาม
ในห้วงที่สถานการณ์ตึงเครียด เหตุปะทะแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ไทยเผชิญภัยคุกคามในรูปแบบใหม่ ของสงครามไฮบริด ทั้งปฏิบัติการข่าวสาร และปฏิบัติการทางทหารในพื้นที่เสี่ยง เขตแดน หรือแนวชายแดน หน้าที่ของ “พลเมือง” ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่การอยู่ภายใต้กฎหมาย หากแต่ต้อง “มีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์” เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของรัฐและปกป้องผลประโยชน์ของชาติไทยโดยรวม
1. รับข่าวสารอย่างมีสติ หยุดวงจรข่าวปลอมเพื่อความมั่นคงของชาติ
ในยุคที่โซเชียลมีเดียกลายเป็นสนามรบทางข้อมูล “การรู้เท่าทันข่าวสาร” คือเกราะคุ้มกันสำคัญ ประชาชนต้องติดตามข่าวจากเพจทางการของกองทัพและหน่วยงานรัฐ ตรวจสอบความถูกต้องก่อนแชร์ และหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่บ่อนทำลายความเชื่อมั่นในกองทัพหรือแผนปฏิบัติการ เพราะการเปิดเผยข้อมูลที่ไม่เหมาะสมอาจสร้างความเสียหายต่อความมั่นคงของชาติ
2. เฝ้าระวังในพื้นที่ พลเมืองตื่นรู้คือด่านหน้าแห่งความมั่นคง
ความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่คือหัวใจของการป้องปรามภัยแทรกซ้อน หากพบเห็นพฤติกรรมหรือวัตถุต้องสงสัย ควรแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที การมีส่วนร่วมในลักษณะนี้จะช่วยเสริมกลไกความมั่นคงให้แข็งแกร่งตั้งแต่ระดับชุมชน
3. ใช้ทรัพยากรอย่างมีสติ พลังพลเมืองเพื่อความมั่นคงทางพลังงาน
วิกฤตระดับโลกทำให้ไทยต้องเผชิญกับความเสี่ยงด้านพลังงาน การใช้ไฟฟ้า น้ำ และเชื้อเพลิงอย่างประหยัดไม่ใช่เพียงเรื่องส่วนตัว แต่เป็น “ภารกิจร่วม” เพื่อรักษาเสถียรภาพและลดความเปราะบางของประเทศในระยะยาว
4. สนับสนุนกองทัพอย่างเหมาะสม ส่งกำลังบำรุงที่จำเป็น ไม่สร้างภาระเกินจำเป็น
การบริจาคยา เวชภัณฑ์ และโลหิตตามคำร้องขอจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือการสนับสนุนอย่างมีประสิทธิภาพ ประชาชนควรเชื่อมั่นว่ากองทัพมีระบบบริหารจัดการสรรพกำลังที่เข้มแข็ง และขอให้หลีกเลี่ยงการส่งสิ่งของที่อาจเกินความจำเป็นหรือรบกวนภารกิจในพื้นที่
ในบริบทของภัยคุกคามที่ไม่ธรรมดา การมีสติ รับรู้ และเลือกกระทำด้วยวิจารณญาณ คือบทบาทหน้าที่ของพลเมือง “ตื่นรู้” และ“ร่วมปกป้อง” อธิปไตยและความสงบสุขของชาติไทยอย่างแท้จริง