กกต. ตีตกคำร้อง ‘ประภาส ปิ่นตบแต่ง’ ปมรู้อยู่แล้วว่าไม่มีคุณสมบัติสมัครเลือกสว.
กกต. ตีตกคำร้อง “สว.ประภาส ปิ่นตบแต่ง” ปมรู้อยู่แล้วว่าไม่มีคุณสมบัติ แต่ยังมาสมัคร ชี้ผู้ร้องไม่มีพยานหลักฐานมาสนับสนุน
เมื่อวันที่ 4 ส.ค. 2568เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยแพร่คำวินิจฉัย กกต. ที่ 490/2568 ลงวันที่ 14 พ.ค.2568 ลงนามโดยนายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการ กกต. มีคำสั่งให้ยกคำร้องนายประภาส ปิ่นตบแต่ง สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ผู้มีสิทธิเลือกระดับประเทศ กลุ่มที่ 17 หมายเลข 70 ที่ถูกร้องว่ากระทำอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. พ.ศ. 2561 มาตรา 11 (17) มาตรา 13 (3) และมาตรา 74
กรณีสมัครรับเลือกเป็น สว. โดยรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิ์สมัครรับเลือก เพราะไม่ใช่บุคคลซึ่งมีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ หรือทำงานในด้านที่สมัครไม่น้อยกว่า 10 ปี
กกต.ได้พิจารณารายงานการไต่สวน ตลอดจนพยานหลักฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องประกอบกันแล้วได้ความว่า ผู้ร้องยื่นคำร้องกล่าวหาว่า ผู้ถูกร้องสมัครรับเลือกกลุ่มที่ 17 ได้แก่ กลุ่มประชาสังคม กลุ่มองค์กรสาธารณประโยชน์ หรืออื่นๆ ในทำนองเดียวกัน
โดยระบุข้อมูลแนะนำตัวของผู้สมัคร (สว. 3) ว่า ผู้ถูกร้องประกอบอาชีพอาจารย์ประจำภาควิชาการปกครองคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี รัฐศาสตรบัณฑิต (คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระดับปริญญาโท รัฐศาสตรมหาบัณฑิต (การปกครอง) คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และระดับบริญญาเอก รัฐศาสตรดุษฎีบัณฑิต คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ประวัติการทำงานว่า อดีตดีตหัวหน้าภาคการปกครองและอาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และอดีตผู้อำนวยการสถาบันวิจัยสังคมจุฬา ฯ อาจารย์ประจำวิชาขบวนการทางการเมืองและสังคมมากกว่า 20 ปี เขียนหนังสือ การเมืองบนถนน ฯลฯ
ร่วมขับเคลื่อนและหนุนเสริมภาคประชาชนให้เกิดการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน เช่น ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม และเป็นแกนนำเรียกร้องปกป้องสิทธิ์ในที่ดินทำกิน จัดตั้งโฉนดชุมชนคลองโยง พื้นที่ 1,803 ไร่ เป็นพื้นที่ต้นแบบแห่งแรกของประเทศไทยโดยไม่ระบุปี
จึงขอให้ตรวจสอบว่า ผู้ถูกร้องเป็นบุคคลซึ่งมีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ หรือทำงานในด้านที่สมัครไม่น้อยกว่า10 ปีหรือไม่
จากการไต่สวนปรากฏข้อเท็จจริงว่า คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนได้มีหนังสือเชิญและโทรศัพท์ติดต่อให้ผู้ร้องมาให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน จำนวน 13 ครั้ง ซึ่งผู้ร้องมิได้มาให้ถ้อยคำตามที่ได้แจ้ง แต่ผู้ร้องได้มีหนังสือ ลงวันที่ 8 พ.ย.2567 แจ้งเพียงว่าผู้ร้องมีความสงสัยในคุณสมบัติของผู้ถูกร้องจึงส่งเรื่องมาให้ตรวจสอบเท่านั้น
จากการไต่สวนพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 1 ถึงคนที่ 3 ซึ่งเป็นนักวิจัยและเป็นโครงการวิจัยของสถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเป็นบุคคลที่ลงลายมือชื่อเป็นผู้รับรอง และเป็นพยานในหนังสือรับรอง ความรู้ความเชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์ในการทำงาน
ทั้งนี้ ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนจึงฟังได้ว่า ผู้ร้องพิจารณาข้อมูลแนะนำตัวของผู้ถูกร้องแล้วมีความสงสัยในคุณสมบัติในการเป็นสว. โดยไม่มีพยานหลักฐานอื่นใดมาสนับสนุนความสงสัยของตน ซึ่งไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง ข้อเท็จจริงจึงรับฟังไม่ได้ว่า ผู้ถูกร้องกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาปี 2561 มาตรา 11 (17) มาตรา13 (3) และมาตรา 74 ตามคำร้อง
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : กกต. ตีตกคำร้อง ‘ประภาส ปิ่นตบแต่ง’ ปมรู้อยู่แล้วว่าไม่มีคุณสมบัติสมัครเลือกสว.
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.khaosod.co.th