‘อิ๊งค์’ แตกหัก ‘อนุทิน’
คงต้องบอกว่า ความสัมพันธ์ระหว่าง "เพื่อไทย (พท.)" กับ "ภูมิใจไทย (ภท.)" อาจถึงขั้นผีไม่เผาเงาไม่เหยียบ หลังทั้ง สองพรรคแยกทางกัน ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล หลัง "นายอนุทิน ชาญวีรกูล" หัวหน้าพรรค ภท. ซึ่งก่อนหน้านั้น ดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ได้โพสต์ข้อความว่าสนับสนุนให้มีการถอนญัตติ การนำเสนอ ร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร (เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) หรือที่หลายคนเรียกว่า "ร่างกาสิโน" ออกจากวาระการประชุมสภา ในวันที่ 9 ก.ค. โดยระบุว่า
หากรัฐบาลยืนยันว่าจะยกเลิกนโยบายนี้ และ ไม่นำกลับเข้าสู่การพิจารณา อีกต่อไป แต่ถึงแม้ว่าวันนี้รัฐบาลจะมีการเสนอให้ ถอนญัตตินี้ออกไป ก็ถือว่ามัน…สายไปเสียแล้ว การดำเนินนโยบายนี้มาอย่างต่อเนื่องได้สร้างความเสียหายอย่างยับเยิน แก่ภาคการท่องเที่ยว ของไทยอย่างรุนแรงที่สุด จนไม่อาจเยียวยาได้อีก เพราะรัฐบาลทราบเป็นอย่างดีว่า *"จีน" มีท่าทีไม่เห็นด้วย ที่ทางการไทยจะผ่านกฎหมาย ให้มีการจัดตั้งสถานบันเทิงครบวงจรพร้อมกับอนุญาตให้มีการเล่นการพนันได้ และได้มีการพูดตอกย้ำถึงสามครั้ง ในที่ประชุมระดับผู้นำของทั้งสองประเทศว่าขอให้ยกเลิกนโยบายนี้เสีย*
มิฉะนั้นรัฐบาลจีนมีความจำเป็น ที่จะต้อง ออกมาตรการต่างๆ ที่จะทำให้คนจีนและกิจการต่างๆ ของจีนปรับท่าทีต่อการท่องเที่ยวรวมไปถึงท่าที ต่อการค้า และ การลงทุนกับไทย ให้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ นี่คือการหารือในระดับผู้นำประเทศทั้งสองคือ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน และ นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ซึ่งผมได้ร่วมประชุมอยู่ด้วยและได้ จดบันทึกการประชุม ในประเด็นนี้อย่างละเอียด ในฐานะ รมว.มหาดไทย ผู้ซึ่งจะต้อง มีความเกี่ยวข้องเป็นอันมาก ต่อการดำเนินนโยบายนี้ แต่ท่าทีของรัฐบาลไทยออกไปในทางเมินเฉยและ ไม่ให้ความสำคัญ ต่อคำเตือนจากผู้นำของจีนในวันนั้น และยังดำเนินการ ผลักดันเร่งรัด ให้ร่างกฎหมายสถานบันเทิงครบวงจร (กาสิโน) ได้รับการบรรจุ อยู่ในวาระแรก ของสมัยประชุมสภานี้
ผลพวงอันเลวร้าย ที่ได้เกิดขึ้นมาจนถึงบัดนี้ก็คือ การหายไปของนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนกว่าร้อยละ 90 ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างหนัก ต่อ ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ของประเทศไทย ประชาชนที่อยู่ในภาคธุรกิจบริการ กิจการโรงแรม ที่พัก การขายสินค้าไทย ของที่ระลึก อาหาร เครื่องดื่ม ร้านค้าปลีก แผงขายของ ทั้งหมด ได้รับผลกระทบ** อย่างมหาศาล ที่พวกเขาไม่เคยประสบมาก่อน นี่เพียงแค่อยู่ในขั้นตอนการบรรจุญัตติเพื่อพิจารณาร่างกฎหมายเท่านั้น เขายังส่งสัญญาณเตือนมาขนาดนี้ คงไม่ต้องนึกถึงความหายนะ
ด้าน "น.ส.แพทองธาร ชินวัตร" นายกฯ และ รมว.วัฒนธรรม ในฐานะหัวหน้าพรรค พท. ได้ออกมา ตอบโต้ นายอนุทิน ทันที หลังโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กมีเนื้อหาสรุปว่า นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน เตือนรัฐบาลถึง 3 ครั้ง ให้ยกเลิกนโยบายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรว่า นายสี จิ้นผิง ทราบดีอยู่แล้วว่าทุกประเทศ เป็นประเทศของตัวเอง ถ้ามีคำแนะนำต่างๆ เราเองก็รับฟัง ท่านก็พูดเรื่องกาสิโน เราก็อธิบายให้ฟังว่า ไม่ได้เน้นเรื่องกาสิโน เพราะจะมีแค่ 10% ความจริงเวลาเอามาเล่าอีกรูปแบบหนึ่งก็ใส่สีตีไข่กันไป
เมื่อถามว่า นายอนุทิน พูดชัดว่า นายสี จิ้นผิง เตือนถึง 3 ครั้ง ถ้าไทยยังไม่ยอมถอยก็จะปรับมาตรการจนกระทบกับนักท่องเที่ยวที่มาไทยทำให้ลดลงไปถึง 90% น.ส.แพทองธาร ย้อนถามสื่อว่า "หมายความว่าเกิดขึ้นแล้วเหรอค่ะ นักท่องเที่ยว 90%" สื่อมวลชนจึงตอบกลับไปว่า นายอนุทิน สื่อสารมาว่าเหตุที่นักท่องเที่ยวหายไปเพราะเหตุผลนี้ น.ส.แพทองธาร ตอบว่า "อ้าว ท่านอดีต มท.1 ออกไปได้ไม่นาน ลืมเสียแล้วว่าเหตุผลที่นักท่องเที่ยวจีนไม่มาเมืองไทย เพราะเรื่องความปลอดภัย หรือเปล่า เรื่องของความปลอดภัย ทั้งเรื่องคอลเซ็นเตอร์ เรื่องตัดน้ำตัดไฟ พอจะตัดก็ตัดยาก ต้องสั่งแล้วสั่งอีก ไม่ทราบว่าได้จดไว้หรือเปล่า แต่ว่าจริงๆ แล้วเหตุผลที่นักท่องเที่ยวลดไม่ได้ เป็นตามที่กล่าวอ้าง"
เมื่อถามต่อว่าจริงหรือไม่ที่นายสี จิ้นผิง บอกว่าหากไทยไม่ถอน จะมีการปรับมาตรการเรื่องนักท่องเที่ยว ที่จะมาไทย น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า นายสี จิ้นผิง พูดก่อนที่เราจะอธิบายว่า ท่านไม่ได้สนับสนุนเรื่องของกาสิโน ถ้าประเทศไหนมีก็จะดูว่า คนจีนที่จะไปจะเป็นอย่างไร ไม่ได้บอกว่าจะปรับมาตรการ เมื่อถามต่อว่า ตั้งข้อสังเกตหรือไม่ ทำไมนายอนุทินถึงออกมาพูดวันนี้ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ให้ประชาชนสังเกตได้เลย เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่เคยพูดคุยกันก็ทราบดีอยู่แล้วว่าติดขัด กับทางพรรค ภท.ที่ไม่อยากให้ทำ เป็นกฎหมายพิเศษ อยากให้เป็นกฎหมายแค่เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่ไม่มีกาสิโนแล้ว ใครจะมาลงทุน
ขณะที่ การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้มีการพิจารณาขอถอน ร่างเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ โดยมีมติให้ถอนร่างพ.ร.บ. ดังกล่าวด้วย มติ 253 ต่อ 66 เสียง
ต้องยอมรับความสัมพันธ์ระหว่าง "หัวหน้าพรรค พท." กับ "หัวหน้าพรรค ภท." จากนี้คงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ทั้งที่ก่อนหน้านั้น ในช่วงที่ พรรคสีน้ำเงิน ยังร่วมรัฐบาล "นายอนุทิน ชาญวีรกูล" อดีตรองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย คอยดูแลและปกป้อง "นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร" มาตลอด และเชื่อว่าจะส่งผลถึงการร่วมงานกันในอนาคต
น่าสังเกตว่า ในระหว่างที่ "นายทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกฯ ไปร่วมโชว์วิสัยทัศน์ในหัวข้อ "Crafting the Future: From OTOP to ThaiWORKS and Beyond" ภายในงาน SPLASH soft power forum 2025 ว่า ช่วงที่คิดโอทอปเป็นช่วงปลายปี 2548 เป็นช่วงที่ การเมืองเริ่มยุ่งแล้ว บ้านเราเสียเวลาเรื่องการเมืองที่ไร้สาระมากกว่า เรื่องที่มีสาระ เลยทำให้เรื่องมีสาระถูก ละเลยเป็นประจำ วันนี้มันอยู่ที่การเอาจริงเอาจัง หากรัฐเอาจริงเอาจัง ข้าราชการก็ร่วมมือ เมื่อข้าราชการร่วมมือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเมื่อก่อนนี้ไม่ให้ความร่วมมือ วันนี้กระทรวงมหาดไทยต้องร่วมมือเต็มที่ เป็นกระทรวงสำคัญที่จะนำนโยบาย ไปสู่ประชาชน นั่นคือผู้ว่าฯ นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เขาอยู่ติดชาวบ้านที่สุด ถ้าเขาร่วมมือปุ๊บทุกอย่างจะขับเคลื่อนได้ คนที่ช่วยขับเคลื่อนคือกระทรวงมหาดไทยต้องมูฟ
ส่วนปัญหา การโยกย้ายข้าราชการ ในกระทรวงมหาดไทย ที่ถูกวิจารณ์ว่า ล้างบาง สายสีน้ำเงิน โดยมอบหมายให้ นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อดีตอธิบดีกรมการปกครอง และ นายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง ซึ่งถูกวิจารณ์ว่า เป็นการย้ายเข้ากรุ ด้าน “นายภูมิธรรม เวชยชัย“ รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกฯ กล่าวถึงการแบ่งงานในกระทรวงมหาดไทยว่า จะนัดเจอกับ รมช.มหาดไทย ทีละคน เพราะอยากทราบว่า แต่ละท่านสนใจและคิดอย่างไร เพื่อนำไปดูต่อว่าเหมาะสมหรือไม่อย่างไร เมื่อถามว่า หลังจากนี้จะมี การปรับทัพข้าราชการระดับสูง ในกระทรวงมหาดไทยอีกหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ภายใน 3 เดือนนี้ ถ้าทำงานแล้วเห็นว่าอันไหน ที่ไม่เป็นไปตามนั้น ก็ต้องมีการปรับเปลี่ยน ส่วนอันไหนที่เป็นไปด้วยดี ก็เดินหน้าต่อไป โดยไม่คำนึงถึงว่าใครเป็นคนของใคร เช่นเดียวกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล อดีตรมว.มหาดไทย เมื่อเข้ามาก็ทำแบบนี้ เพราะอยากให้วันที่ 1 ต.ค. มีผู้ที่รับผิดชอบโดยตรงอยู่ประจำที่ ไม่ใช่ว่าพอถึงวันดังกล่าวแล้ว คนเดิมก็ยังรักษาการ คนใหม่ก็ต้อง มานั่งรอปรับ เมื่อถามว่า มีนโยบายอะไรที่ ต้องเร่งผลักดัน หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่าเรื่องเร่งด่วนที่สุด ที่จะทำ คือ ยาเสพติดที่หมายรวมถึง ผู้มีอิทธิพล หลังจากนี้ต่อไปเวลาลงพื้นที่ ตนจะไม่มีการแจ้งล่วงหน้า เพื่อดูความสามารถ ของหน่วยงานต่างๆ ก่อนทิ้งท้ายว่า 2 เดือนนี้หากใครตามตน ก็เหนื่อยหน่อย
ส่วน "นายอนุทิน ชาญวีรกูล" หัวหน้าพรรค ภท. ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย มีคำสั่งโยกย้าย นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อดีตอธิบดีกรมการปกครอง และ นายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง ว่า "เป็นอำนาจของรัฐมนตรี ผมก้าวก่ายไม่ได้ ยุคใครยุคมัน" ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำถึงผลงานของทั้ง 2 อธิบดีนี้ว่าเป็นอย่างไร นายอนุทิน ระบุเพียงว่า “ผลงานดีครับ” ส่วนที่มองว่าเป็นเด็กจาก จ.บุรีรัมย์นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า “ใครพูดก็พูดกันไป แต่เขาคือ ข้าราชการของกระทรวงมหาดไทย ข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความทุ่มเท ซื่อสัตย์ สุจริต”
นอกจากนี้ในประชุมสภา ที่มี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภา ทำหน้าประธานการประชุม โดยในช่วงเปิดให้ หารือความเดือดร้อน ของประชาชนก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระ นายสนอง เทพอักษรณรงค์ สส.บุรีรัมย์ พรรค ภท. ลุกขึ้นอภิปรายตอนหนึ่งว่า ขอฝากไปถึง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย รักษาการนายกฯ ในฐานะที่ท่านรับผิดชอบดูแลกระทรวงมหาดไทย อยากให้ท่าน "บำบัดทุกข์ บำรุงสุข" อย่ามัวคิดล้างแค้นเลย อธิบดีกรมการปกครอง และ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ทั้ง 2 คน ที่ท่านย้ายภายใน 1 สัปดาห์ เป็นเพราะมาจาก จ.บุรีรัมย์ ใช่หรือไม่ ถ้าท่านคิดว่าจะย้ายคนที่อดีต รมว.มหาดไทย หรือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ภท. แต่งตั้งนั้น ท่าน ต้องย้ายผู้ว่าราชการทุกจังหวัด ย้ายนายอำเภอทุกอำเภอ อยากให้มีจิตใจที่เป็นธรรม และเป็นมนุษย์บ้าง
จากนี้ไปต้องจับตาดูว่า จะมีการโยกย้ายข้าราชการ ในส่วนอื่นอีกหรือไม่ หรือเป้าจะตกอยู่ที่กระทรวงมหาดไทย เพราะมีบทบาทสำคัญ ในการ ช่วยดูแลการเลือกตั้ง ซึ่งถ้าหากเหตุผลไม่มีน้ำหนัก ย่อมมีผลต่อการถูกวิจารณ์จากสังคม
ทีมข่าวการเมือง