“จตุพร” เจียดงบ 1 หมื่นล้านบาท เยียวยาผลกระทบภาษีทรัมป์
วันนี้ (7 ก.ค. 2568) นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รมว.พาณิชย์ เดินทางเข้าปฏิบัติราชการที่กระทรวงพาณิชย์เป็นวันแรก โดยมีการสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงฯ ร่วมกับนายสุชาติ ชมกลิ่น และนายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ รมช.พาณิชย์ รวมถึงนายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และผู้บริหารระดับสูงของกระทรวง ก่อนให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงแนวนโยบายและภารกิจเร่งด่วนที่จะขับเคลื่อนในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
นายจตุพร เปิดเผยว่า ภารกิจสำคัญในขณะนี้คือ การเจรจาการค้ากับสหรัฐอเมริกา โดยมีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เป็นหัวหน้าทีม ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะมีบทบาทสำคัญในการเตรียมข้อมูลและสนับสนุนการเจรจา เพื่อให้ประเทศไทยได้รับประโยชน์สูงสุด ขณะเดียวกันจะเร่งผลักดันการเจรจาภาษีร่วมกับกระทรวงการคลังให้เป็นไปตามกฎหมายและมีแนวทางเยียวยาผู้ประกอบการอย่างเป็นรูปธรรม
“ยอมรับว่าได้มีการเตรียมแผนเยียวยาเพื่อรองรับผลกระทบจากการเจรจาภาษีสหรัฐฯ ไว้แล้ว การเยียวยาจะมีหลายแนวทางผ่าน กองทุนเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากที่รัฐบาลกันเงินสำรองไว้ราว 10,000 ล้านจากงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.15 แสนล้านบาท เมื่อได้ข้อสรุปแผนการเยียวยาผู้เกี่ยวข้องแล้ว ต้องเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขออนุมัติใช้งบประมาณ” นายจตุพร กล่าว
ทั้งนี้อีกหนึ่งภารกิจสำคัญ คือการดูแลราคาสินค้าให้มีเสถียรภาพ โดยเฉพาะสินค้าเกษตรที่ประสบปัญหาราคาตกต่ำ พร้อมเร่งรัดการแก้ปัญหาสินค้าสวมสิทธิ์จากต่างประเทศ และผลักดันให้เกิดการปรับปรุงกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการทำงาน โดยจะทำงานร่วมกับรัฐมนตรีช่วย ปลัดกระทรวง และทีมงานอย่างใกล้ชิดเพื่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม
“เราต้องทำงานเป็นทีม ขับเคลื่อนทั้งระบบซัพพลายเชน ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ไม่ใช่แค่กระทรวงพาณิชย์เพียงลำพัง แต่ต้องประสานงานกับกระทรวงเกษตรฯ กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงอื่นๆ ให้การแก้ปัญหาเกิดผลอย่างยั่งยืน” นายจตุพรกล่าว
สำหรับนโยบายเร่งด่วนระยะสั้น ได้มอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดเร่งดูแลสถานการณ์ราคาผลไม้ตามฤดูกาล เช่น มังคุด ทุเรียน และลางสาด ตนให้นโยบาย “ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย” และในระยะยาวจะพัฒนากลไกตลาดใหม่ให้กับเกษตรกรไทย พร้อมกำหนด KPI ชัดเจนให้กับทูตพาณิชย์ในแต่ละประเทศ เพื่อสร้างโอกาสทางการค้าและส่งการบ้านกลับมา
“ผมเติบโตจากครอบครัวแม่ค้า เข้าใจการจับจ่ายสินค้าทั้งระบบ วันนี้ปัญหาไม่ใช่แค่เรื่องราคา แต่เป็นเรื่องกำลังซื้อ เราจึงต้องทำงานเชิงรุกทั้งลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และตรึงราคาสินค้าให้เป็นธรรมที่สุด พร้อมย้ำว่าจะบริหารงานอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ และยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง” นายจตุพรกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติม ว่า ภายหลังได้รับการโปรดเกล้าฯ เมื่อวันที่ 3 ก.ค. ที่ผ่านมา นายจตุพรได้เดินทางลงพื้นที่ปฏิบัติราชการในจังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดหนองคาย เพื่อติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าเกษตร และร่วมเปิดงานมหกรรมการค้าชายแดนจังหวัดหนองคาย ระหว่างวันที่ 4–5 ก.ค. ร่วมกับนายสุชาติ ชมกลิ่น และนายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ รมช.พาณิชย์ เพื่อผลักดันการค้าชายแดน-ผ่านแดนให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมทันที