สรุปยอดผู้สมัครผู้เข้ารับการสรรหาเป็นกรรมการ ป.ป.ช. รวม 25 คน
เมื่อวันที่ 30 ก.ค.68 ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ในฐานะหน่วยธุรการ เปิดรับสมัครบุคคลเพื่อเข้ารับการสรรหาเป็นบุคคลผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (แทนพลตำรวจเอก วัชรพล ประสารราชกิจ และนางสุวณา สุวรรณจูฑะ ซึ่งพ้นจากตำแหน่ง) จำนวน 2 คน ระหว่างวันที่ 7-30 กรกฎาคม 2568 ในวันและเวลาราชการ ณ จุดรับสมัคร สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ห้องศูนย์ข้อมูลข่าวสารของราชการ ชั้น 1 อาคารรัฐสภา (ฝั่งวุฒิสภา) เขตดุสิต กรุงเทพฯ
สรุปผลการรับสมัคร มีรายชื่อผู้สมัครเข้ารับการสรรหา รวมจำนวน 25 คน ดังนี้
1. นายขจรเดช เจนวัฒนานนท์ อายุ 62 ปี อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานภาค 7 (สมัครคุณสมบัติตามมาตรา 9 วรรคสอง (1) แทนทั้ง 2 กรณี)
2. พ.อ.นที ศุกลรัตน์ อายุ 57 ปี อดีตรองประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สมัครคุณสมบัติตามมาตรา 9 วรรคสอง (5) แทนทั้ง 2 กรณี)
3. นายชัยยศ ปัญจบุตรชัย อายุ 66 ปี อดีตอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญามีนบุรี (สมัครคุณสมบัติตามมาตรา 9 วรรคสอง (1) แทนทั้ง 2 กรณี)
4. น.ส.รื่นวดี สุวรรณมงคล อายุ 60 ปี ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี (สมัครคุณสมบัติตามมาตรา 9 วรรคสอง (2) และ (7) แทนทั้ง 2 กรณี)
5. นายณัฐพัชร จันทรสูตร อายุ 62 ปี อดีตกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ในคณะกรรมการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ (สมัครคุณสมบัติตามมาตรา 9 วรรคสอง (5) แทนทั้ง 2 กรณี)
6. นายวัชระ อินทุสุต อายุ 65 ปี อธิบดีอัยการ สำนักงานคณะกรรมการอัยการ (สมัครคุณสมบัติตามมาตรา 9 วรรคสอง (1) แทนทั้ง 2 กรณี)
7. นายสิริชัย สุธีวีระขจร อายุ 65 ปี อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีศาลสูงภาค 1 (สมัครคุณสมบัติตามมาตรา 9 วรรคสอง (1) แทนทั้ง 2 กรณี)
8. นายมนูภาน ยศธแสนย์ อายุ 65 ปี ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา (สมัครคุณสมบัติตามมาตรา 9 วรรคสอง (1) แทนทั้ง 2 กรณี)
9. ผศ.ณัทตรัยพัทธ์ ภัทร์พรชนัต อายุ 62 ปี อดีตผู้บริหารระดับสูงบริษัทมหาชน (สมัครคุณสมบัติตามมาตรา 9 วรรคสอง (6) แทนทั้ง 2 กรณี)
10. นายปรีชา พงษ์พานิช อายุ 67 ปี อดีตอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีศาลสูงภาค 1 อัยการอาวุโส สำนักงานอัยการภาค 1 (สมัครคุณสมบัติตามมาตรา 9 วรรคสอง (1) แทนทั้ง 2 กรณี)
11. นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ อายุ 61 ปี อดีตผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (สมัครคุณสมบัติตามมาตรา 9 วรรคสอง (3) แทนทั้ง 2 กรณี)
12. นายสาธิต อุไรเวโรจนากร อายุ 62 ปี ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต กรรมการอิสระ บริษัท เจ้าพระยามหานคร (มหาชน) จำกัด (สมัครคุณสมบัติตามมาตรา 9 วรรคสอง (5) แทนทั้ง 2 กรณี)
13. นายทศพร รัตนมาศทิพย์ อายุ 60 ปี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จํากัด (มหาชน) (สมัครคุณสมบัติตามมาตรา 9 วรรคสอง (6) แทนทั้ง 2 กรณี)
14. นายธนากร แหวกวารี อายุ 56 ปี ทนายความ (สมัครคุณสมบัติตามมาตรา 9 วรรคสอง (5) แทนทั้ง 2 กรณี)
15. นายคำนึง วงษ์ทวีทรัพย์ อายุ 63 ปี อธิบดีอัยการ สำนักงานอัยการภาค 3 (สมัครคุณสมบัติตามมาตรา 9 วรรคสอง (1) แทนทั้ง 2 กรณี)
16. นายวิฑูลรย์ ศิริวิโรจน์ อายุ 59 ปี ทนายความ (สมัครคุณสมบัติตามมาตรา 9 วรรคสอง (5) แทนทั้ง 2 กรณี)
17. นายสมโภชน์ โตรักษา อายุ 58 ปี กรรมการนโยบาย องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพ สาธารณะแห่งประเทศไทย (ไทยพีบีเอส) (สมัครคุณสมบัติตามมาตรา 9 วรรคสอง (5) แทนทั้ง 2 กรณี)
18. นายประกอบ ลีนะเปสนันท์ อายุ 64 ปี รองประธานศาลฎีกา (สมัครคุณสมบัติตามมาตรา 9วรรคสอง (1) แทน 1 กรณี)
19. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง อายุ 60 ปี อดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (สมัครคุณสมบัติ ตามมาตรา 9 วรรคสอง (2) แทนทั้ง 2 กรณี)
20. นายประจวบ ตันตินนท์ อายุ 66 ปี อดีตผู้อำนวยการยาสูบ โรงงานยาสูบ กระทรวงการคลัง ผู้บริหารของบริษัทมหาชน (สมัครคุณสมบัติตามมาตรา 9 วรรคสอง (7) แทน 1 กรณี)
21. ร.ต.อ.โชคชัย สิทธิผลกุล อายุ 65 ปี อธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน สำนักงาน อัยการสูงสุด (สมัครคุณสมบัติตามมาตรา 9 วรรคสอง (1) แทนทั้ง 2 กรณี)
22. นายอดิศร ไชยคุปต์ อายุ 64 ปี รองอัยการสูงสุด (สมัครคุณสมบัติตามมาตรา 9 วรรคสอง (1) แทนทั้ง 2 กรณี)
23. นายสุชาติ สุนทรีเกษม อายุ 63ปี อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา (สมัครคุณสมบัติตามมาตรา 9 วรรคสอง (1) แทนทั้ง 2 กรณี)
24. ศ.พล.ต.ท.จักรพงษ์ วิวัฒน์วานิช อายุ 62 ปี อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ อดีตกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สมัครคุณสมบัติตามมาตรา 9 วรรคสอง (4) แทนทั้ง 2 กรณี)
25.พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย อายุ 60 ปีอดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(สมัครคุณสมบัติ ตามมาตรา 9 วรรคสอง (2) แทนทั้ง 2 กรณี)
สำหรับขั้นตอนต่อจากนี้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาซึ่งทำหน้าที่เป็นหน่วยธุรการของคณะกรรมการ สรรหากรรมการป้องกันและปราบปราบการทุจริตแห่งชาติจะส่งรายชื่อผู้สมัครเข้ารับการสรรหาเป็นบุคคล ผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการป้องกันและปราบปราบการทุจริตแห่งชาติไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามตามที่กฎหมายกำหนด และเมื่อได้รับผลการตรวจสอบดังกล่าว มาแล้ว คณะกรรมการสรรหาจะพิจารณาวินิจฉัยคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครเข้ารับการสรรหา หลังจากนั้นจะเชิญผู้สมัครเข้ารับการสรรหาที่มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามมาแสดงความคิดเห็นในเรื่อง ที่เกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. และหรือสัมภาษณ์ผู้สมัครต่อไป
ทั้งนี้ขอเชิญส่งข้อมูลข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผู้สมัครมายังคณะกรรมการสรรหากรรมการป้องกันและ ปราบปราบการทุจริตแห่งชาติหรือที่เว็บไซต์www.senate.go.th ภายในวันที่ 14 ส.ค.68.