วิภา กองมะลี เบื้องหลังและฟันเฟืองเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่ของ ราษีไศล ยูไนเต็ด
ราษีไศล ยูไนเต็ด เป็นหนึ่งในสโมสรฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จในฤดูกาล 2024-25 กับการคว้าแชมป์ ไทยลีก 3 และที่สำคัญที่สุด คือการขึ้นไปเล่น ไทยลีก 2 ในซีซั่นหน้า
เราได้เห็นวิธีการทำงานของบอร์ดบริหารที่มีเป้าหมายที่ชัดเจนสำหรับการเลื่อนชั้น รวมไปถึงได้โค้ชผู้เก่งกาจจนสามารถยกระดับผลงานของทีมได้มากมาย
แต่สโมสรยังมีฟันเฟืองสำคัญนอกสนามที่ทำให้ทีมเดินไปได้ในทุกๆ มิติ ไม่ใช่แค่ผลการแข่งขัน
“ถ้าให้เลือกฮีโร่ ผู้ปิดทองหลังพระของทีม ผมขอเลือกครูภา ครับ” จากปากของ ‘ครูคลิ้น’ ภาณุพงศ์ จารุวงษ์เสถียร ประธานสโมสร ราษีไศล พูดถึงหนึ่งในทีมงานที่อยู่เบื้องหลังของทีม
‘ครูภา’ หรือ วิภา กองมะลี ในวัย 63 ปี ผู้ทำอาชีพครูโรงเรียนเกศเกล้าวิทยา ซึ่งเป็นโรงเรียนในพื้นที่อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ และยังเป็นโรงเรียนที่ ‘ครูนุช’ นุชนาถ จารุวงษ์เสถียร ประธานที่ปรึกษาสโมสรเป็นเจ้าของ
ความผูกพันที่รู้จักกันมามากกว่า 30 ปี จากการที่มีบ้านอยู่ละแวกเดียวกันในจังหวัดบุรีรัมย์ จนกระทั่ง ‘ครูภา’ ได้มาทำงานกับ ‘ครูนุช’ ในปี พ.ศ. 2556
หน้าที่ในรั้วโรงเรียน นอกจากจะเป็นครูผู้สอนวิชาวิชาพระพุทธศาสนากับวิชาการงานอาชีพ โดยมีความสามารถทำงานธุรการและติดต่อประสานงานที่เกียวข้องกับการศึกษาทั้งหมด
ด้วยเหตุนี้เอง ‘ครูภา’ จึงได้ใช้ความสามารถตรงนี้ มาช่วย ราษีไศล ในงานด้านเอกสาร ตั้งแต่อะคาเดมี ไปจนถึงเอกสารนักเตะต่างชาติ
“เราเคยทำเอกสารกับทางโรงเรียน ทำเอกสารให้ครูต่างชาติของโรงเรียนก็ทำนะคะ เราเลยเอาทักษะตรงนั้นมาช่วยสโมสรค่ะ เวลามีคัดตัวเข้าอะคาเดมี่ เราก็ไปดูเรื่องเอกสาร จนไปถึงนักเตะต่างชาติ เราพอสื่อสารอังกฤษ ได้นิดหน่อย ก็เลยเข้ามาดูตรงนี้ด้วย”
“เวลามีประชุมร่วมกับนักเตะต่างชาติ เราก็ต้องเข้าไปประชุมด้วย แต่เราอาจไม่ใช่ล่ามโดยตรงนะคะ แต่เราต้องทำงานร่วมกันกับพวกเขาอยู่แล้ว” ครูภา เล่าเรื่องราวในวันวาน
นอกจากจะช่วยงานเอกสารของสโมสรแล้ว การขายเสื้อเพื่อหารายได้เข้าสโมสรก็เป็นอีกหนึ่งหน้าที่ที่ ‘ครูภา’ ได้รับมอบหมายให้จัดการดูแล ซึ่งในฐานะคนในที่เห็นทีมมาตั้งแต่ทำทีมระดับเยาวชน จนกระทั่งผู้บริหารตัดสินใจจริงจังกับมันแบบเต็มเหนี่ยว ยอมรับว่าเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ที่ทัพราชาวานรกำลังทะยานสู่ ไทยลีก 2
“สโมสรเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยนะคะ ถือว่าไปเร็วมากๆ ไม่คิดจริงๆ ว่าจะขึ้น ไทยลีก 2 ได้ไวขนาดนี้ เพราะเราเห็นเจ้านายทำฟุตบอลตั้งแต่วิทยาลัยพณิชนการราษีไศล แล้วประสบความสำเร็จ จนสุดท้ายตัดสินใจเข้า ไทยลนด์ อะเมเจอร์ ลีก บางทีมีสงสารเจ้านายเหมือนกัน เห็นเจ้านายใช้เงินเยอะ แต่เป็นความชอบของผู้บริหาร เราก็ดีใจที่ทำสำเร็จค่ะ”
แม้ไม่มีรายนามติดบอร์ดแมตช์เดย์และไม่ได้รับการประกาศชื่อผ่านลำโพงสนาม แต่ในทุกวันของ ราษีไศล จะมี ‘ครูภา’ อยู่ตรงนั้นเสมอ
เธอไม่ใช่แค่ผู้ช่วยทำเอกสารหรือคนขายเสื้อ แต่เธอคือผู้แบกรับ 'ภาระเล็กๆ จำนวนมาก' ที่รวมกันแล้วกลายเป็นรากฐานอันมั่นคงของสโมสร
- ในวันที่ทีมต้องส่งเอกสารนักเตะด่วนๆ ภายในเวลาจำกัด
- ในวันที่เด็กๆ ยังไม่เข้าใจระบบลงทะเบียนหรือขั้นตอนการจัดการแข่งขัน
- ในวันที่มีการเปิดตัวนักเตะต่างชาติ แต่ไม่มีใครรู้ว่าควรจัดการเรื่องขอใบอนุญาตนั้นทำกันอย่างไร
‘ครูภา’ คือคนที่ก้าวออกมาทำหน้าที่นั้น โดยไม่เคยร้องขอคำชื่นชม แต่อยู่ที่นั่นด้วย 'หัวใจ' ที่เบิกบานเมื่อเห็นราชาวานรเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง
“มีบางวันต้องอยู่โรงเรียนทั้งวัน แล้วตกเย็นต้องไปช่วยสโมสรอีก แต่อะไรที่เราช่วยได้ เราก็ทำค่ะ เพราะมันคือทีมของเรา” เธอเคยบอกไว้ในวงสนทนาเล็กๆ
คำว่า 'ทีมของเรา' จากปากของเธอ ฟังแล้วอาจดูเรียบง่าย แต่ถ้ามองให้ลึกลงไปในรายละเอียด จะสัมผัสได้ถึงความรัก, ความผูกพันและความภาคภูมิใจที่ไม่ได้สร้างขึ้นจากการเซ็นสัญญาหลายสิบล้าน ทว่าเกิดจากความศรัทธาในบางสิ่งที่ปรารถนาจะให้ให้เกิดขึ้นจริงในในวันหน้า
ในวันที่ ราษีไศล ได้เลื่อนชั้นสู่ ไทยลีก 2
ผู้คนจำนวนมากหลั่งไหลเข้ามาร่วมแสดงความยินดี
เสียงเฉลิมฉลองดังไปทั่วสนามและสื่อโซเชียลมีเดีย
แต่เบื้องหลังภาพเหล่านั้น คือใครบางคนที่ยังคงนั่งเงียบๆ อยู่ข้างสนาม เธอถือกล่องเสื้อทีมอยู่ในมือ พร้อมด้วยรอยยิ้มเล็กๆ ที่เปี่ยมไปด้วยความภูมิใจ…แบบไม่ต้องพูดอะไรให้เลิศหรู
'ครูภา' คือคนๆ นั้น
เพราะฟุตบอล…ไม่ใช่แค่เกมของคนที่อยู่ใน 90 นาที แต่มันยังมีเรื่องราวของ 'ทุกนาทีที่ไม่มีใครเห็น' ซ่อนอยู่ในหลืบใดหลืบหนึ่งของสนามแข่งขัน
บางครั้ง คนที่มีบทบาทมากที่สุด…ก็อาจเป็นคนที่ไม่เคยปรากฏอยู่ท่ามกลางแสงสปอตไลต์เลยสักครั้ง
ฮีโร่นอกสนาม คือคำจำกัดความของ 'ครูภา' วิภา กองมะลี โดยแท้จริง