Amazon ปล่อยคาร์บอนพุ่ง 6% ดาต้าเซ็นเตอร์–AI ดันใช้ไฟเพิ่ม
การใช้งาน AI ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้แนวโน้มการปล่อยคาร์บอนที่เคยลดลงของบริษัทกลับกลายเป็นขาขึ้นขณะที่พนักงานระบุว่าตัวเลขทางการอาจไม่สะท้อนความจริงทั้งหมด
หลังจากที่ Amazon ลดการปล่อยคาร์บอนโดยรวมได้สองปีติดต่อกัน บริษัทรายงานว่าการปล่อยคาร์บอนเพิ่มขึ้นในปี 2024 โดยมีสาเหตุหลักจากการเร่งสร้างดาต้าเซ็นเตอร์และการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการใช้งาน AI ที่เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับการขยายการดำเนินการจัดส่งสินค้า
รายงานความยั่งยืนฉบับล่าสุดของบริษัทระบุว่า การปล่อยคาร์บอนรวมทั้งหมดของ Amazon ในปี 2024 อยู่ที่ 68.25 ล้านตันเมตริก เพิ่มขึ้น 6% จากปีก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 33% จากปี 2019 ซึ่งเป็นปีที่ Amazon เริ่มแผน Climate Pledge ที่มีเป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอนให้เป็นศูนย์สุทธิ (Net-Zero) ทั่วทั้งองค์กรภายในปี 2040
Amazon แบ่งการปล่อยคาร์บอนออกเป็น 3 ประเภท
การปล่อยโดยตรง (direct emissions), การปล่อยทางอ้อมจากการซื้อไฟฟ้า (indirect emissions from purchased electricity), และการปล่อยทางอ้อมจากแหล่งอื่น (indirect emissions from other sources) ซึ่งทั้ง 3 ประเภทต่างเพิ่มขึ้นทั้งหมดในปี 2024
การปล่อยโดยตรง ซึ่งเกิดขึ้นเป็นหลักจากบริการจัดส่งของบริษัท เพิ่มขึ้น 6% เทียบกับปี 2023 โดย Amazon อ้างว่ามีข้อจำกัดด้านอุปทานของรถ EV และเชื้อเพลิงคาร์บอนต่ำ โดยการปล่อยประเภทนี้มีทั้งหมด 15.13 ล้านตันเมตริก
การปล่อยทางอ้อม จากพลังงานที่ซื้อ เพิ่มขึ้น 1% โดยในรายงานระบุว่า เป็นผลบางส่วนจากการใช้ไฟฟ้าที่สูงขึ้นเพื่อรองรับเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น AI โดยการปล่อยประเภทนี้คิดเป็นสัดส่วนที่น้อยที่สุดในภาพรวม อยู่ที่ 2.8 ล้านตันเมตริก
การปล่อยทางอ้อมจากแหล่งอื่น เพิ่มขึ้น 6% และคิดเป็น 74% ของการปล่อยคาร์บอนทั้งหมดของ Amazon ในรายงานระบุว่า การเพิ่มขึ้นนี้เกิดจาก การก่อสร้างดาต้าเซ็นเตอร์และการใช้เชื้อเพลิงโดยผู้ให้บริการจัดส่งภายนอกเป็นหลัก ทั้งยังระบุว่าบริษัทกำลังใช้ AI แบบสร้างสรรค์ (generative AI) แทบทุกส่วนของธุรกิจ
Amazon ระบุว่า บริษัทยังคงเดินหน้าสู่เป้าหมาย Net-zero ในปี 2040 บริษัทยังอ้างว่ายังคงจับคู่ 100% ของปริมาณไฟฟ้าที่ใช้ในพื้นที่ดาต้าเซ็นเตอร์กับพลังงานหมุนเวียน ด้วยการซื้อเครดิตพลังงานหมุนเวียน (RECs)
Amazon Employees for Climate Justice ซึ่งเป็นกลุ่มพนักงานที่เรียกร้องให้บริษัทดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศมากขึ้น ระบุว่า ตัวเลขเหล่านี้ทำให้เข้าใจผิด กลุ่มนี้ชี้ว่า ในพื้นที่ของสหรัฐฯ ที่มีดาต้าเซ็นเตอร์ของ Amazon มากกว่า 70% นั้น ไฟฟ้ามาจากก๊าซธรรมชาติหรือถ่านหินเป็นหลัก ขณะเดียวกัน บริษัทไฟฟ้ายังเร่งสร้างโครงสร้างพื้นฐานเชื้อเพลิงฟอสซิลใหม่เพื่อรองรับดาต้าเซ็นเตอร์
การที่ Amazon ระบุว่า จับคู่การใช้ไฟฟ้ากับพลังงานหมุนเวียนนั้น ส่วนใหญ่เป็นการใช้ เครดิตพลังงานหมุนเวียน (renewable energy credits) ซึ่งเคยถูกวิจารณ์ว่าเป็นการ Greenwashing โดยในบางกรณี กลุ่ม Amazon Employees for Climate Justice ระบุว่า บริษัทแค่ซื้อเครดิตของพลังงานหมุนเวียนที่มีอยู่แล้ว ซึ่งก็จะถูกใช้อยู่ดี
ขณะที่ Bloomberg รายงานว่า หากไม่นับเครดิตเหล่านี้ การปล่อยคาร์บอนของ Amazon ในปี 2022 อาจสูงกว่าตัวเลขที่บริษัทเปิดเผยถึง 3 เท่า
อย่างไรก็ตาม Amazon ไม่ใช่บริษัทเทคโนโลยีเพียงรายเดียวที่สร้างดาต้าเซ็นเตอร์เพื่อรองรับ AI โดยดาต้าเซ็นเตอร์ของ Meta ในรัฐลุยเซียนาจะต้องใช้โรงไฟฟ้าก๊าซใหม่ 3 แห่งเพื่อป้อนพลังงาน ส่วนการปล่อยคาร์บอนของ Google ในปี 2023 เพิ่มขึ้น 13% จากปีก่อนหน้าเพราะ AI และการเติบโตของดาต้าเซ็นเตอร์ ขณะที่ Microsoft มีการปล่อยคาร์บอนเพิ่มขึ้น 23% ตั้งแต่ปี 2020 ด้วยเหตุผลเดียวกัน
Business Insider รายงานว่า ดาต้าเซ็นเตอร์ของ Amazon มีแนวโน้มจะใช้ไฟฟ้ามากที่สุด เมื่อเทียบกับบริษัทเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่ทำการวิเคราะห์ไว้