‘ภูมิธรรม’สั่งการมหาดไทย-ปภ. ใช้วอร์รูมติดตามสภาพอากาศ-สถานการณ์น้ำต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง
เมื่อวันที่ 20 ก.ค. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทยในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์และการติดตามการคาดการณ์ผลกระทบจากพายุวิภา และสภาวะอากาศ ในช่วงวันที่ 20-24 ก.ค. โดยคาดการณ์ว่าพายุวิภาจะเคลื่อนเข้าสู่ประเทศเวียดนามตอนบน ในวันที่ 22 ก.ค. ซึ่งจะทำให้เริ่มมีฝนเพิ่มขึ้น ในช่วงค่ำของวันที่ 20 ก.ค.ในพื้นที่จ.หนองคาย บึงกาฬ นครพนม
จากนั้นในช่วงวันที่ 22-23 ก.ค. พื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีฝนตกหนักมาก และอาจส่งผลให้ระดับน้ำแม่น้ำโขงเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ ยังมีร่องความกดอากาศต่ำ (ร่องฝน) พาดผ่านทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมถึงความชื้นจากทะเลอันดามันที่จะส่งผลให้ทั่วทุกภาคเกิดฝนตกหนัก
นายภูมิธรรม กล่าวว่า เพื่อให้การเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์และการติดตามการคาดการณ์ผลกระทบจากสภาวะอากาศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จึงได้สั่งการให้กระทรวงมหาดไทย ได้กำชับเจ้าหน้าที่ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคได้ปฏิงานติดตามสภาพอากาศและประเมินร่วมกับหน่วยที่เกี่ยวข้องโดยใช้ห้องปฏิบัติการวอร์รูม ตลอด 24 ชั่วโมง และสร้างการรับรู้ความเข้าใจกับประชาชนให้ติดตามสถานการณ์จากภาครัฐอย่างต่อเนื่อง และไม่หลงเชื่อข่าวปลอมที่อาจเกิดการเผยแพร่ทางช่องทางต่างๆในช่วงเวลาดังกล่าว
ด้านนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ตนได้รับข้อสั่งการจากนายภูมิธรรม และสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกสะสมมากกว่า 90 มิลลิเมตร และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วม รวมถึงพื้นที่เกิดน้ำท่วมขังอยู่เป็นประจำพร้อมติดตาม ตรวจสอบ ซ่อมแซม แนวคันบริเวณริมแม่น้ำ และเร่งกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ พร้อมวางแผนการบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสม โดยการเร่งระบายและพร่องน้ำรองรับสถานการณ์ฝนที่คาดว่าจะตกหนัก และเตรียมแผนรับสถานการณ์น้ำหลาก เตรียมความพร้อมบุคลากร เครื่องจักรเครื่องมือ รวมถึงความพร้อมของระบบสื่อสาร รวมถึงประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำ และแจ้งเตือนล่วงหน้าให้ประชาชนที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบเตรียมพร้อมในการขนของขึ้นที่สูงหรืออพยพได้ทันทีหากเกิดสถานการณ์
ด้านนายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า ปภ. โดยศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ได้จัดประชุมห้องวอร์รูม เพื่อการแจ้งเตือนภัยของชาติ ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ประกอบด้วยผู้แทนจากสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กรมอุตุนิยมวิทยา กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรธรณี กรมชลประทาน สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (สสน.) สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (Gistda) และศูนย์อำนวยการบรรเทาสาธารณภัย เพื่อติดตามการคาดการณ์ผลกระทบจากพายุวิภา และสภาวะอากาศ