บังคับทุกคนยื่นภาษี! "คลัง" เดินหน้าใช้ "Negative Income Tax" เริ่มปี 70 เพื่อคัดกรองสวัสดิการแม่นยำ-เป็นธรรม
วันที่ 15 สิงหาคม 2568 นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้พัฒนาฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Data Lake) เพื่อรวบรวมข้อมูลทั้งหมดให้อยู่ในระบบเดียว แก้ปัญหาการกระจายตัวของข้อมูลสวัสดิการที่อยู่ในหลายหน่วยงาน เช่น ข้อมูลการเสียภาษีที่อยู่กับกรมสรรพากร หรือข้อมูลบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่อยู่ในอีกหน่วยหนึ่ง เป้าหมายเพื่อให้รัฐบาลสามารถจัดสรรงบประมาณและสวัสดิการได้อย่างตรงจุดและเป็นธรรมมากขึ้น
ปัจจุบัน กระทรวงการคลังมีข้อมูลครอบคลุมแล้วกว่า 60.8 ล้านคน และ 600,000 กิจการ ข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำมาใช้สนับสนุนนโยบาย Negative Income Tax หรือ “ภาษีเงินได้ติดลบ” ซึ่งตั้งเป้าเริ่มใช้ในปี 2570
Negative Income Tax คือระบบที่กำหนดให้ประชาชนทุกคนต้องยื่นแบบภาษี แม้มีรายได้น้อยกว่าฐานที่ต้องเสียภาษี (150,000 บาทต่อปี) เพื่อให้รัฐใช้ข้อมูลรายได้จริงในการคัดกรองสิทธิ์สวัสดิการอย่างแม่นยำ หากรายได้สูงกว่าเกณฑ์ จะต้องเสียภาษีตามปกติ แต่หากต่ำกว่าเกณฑ์ จะไม่เสียภาษี และยังได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐแทน
ผลกระทบต่อประชาชนจะแตกต่างกันตามกลุ่มรายได้
กลุ่มที่เสียภาษีอยู่แล้ว: แทบไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก แต่กระบวนการตรวจสอบรายได้จะเข้มงวดขึ้น
กลุ่มรายได้พอสมควรแต่ไม่เคยยื่นภาษี: จะถูกดึงเข้าสู่ระบบ อาจต้องเริ่มเสียภาษีหากรายได้เกินเกณฑ์ ถือเป็นผู้เสียประโยชน์
กลุ่มรายได้น้อยหรือตกหล่นจากสวัสดิการ: จะได้ประโยชน์เต็มที่ เพราะเมื่อรายได้ถูกบันทึกในระบบ รัฐสามารถจ่ายเงินช่วยเหลือได้ตรงกลุ่มมากขึ้น
ข้อมูลจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระบุว่า ปี 2565 มีแรงงานในระบบ 19 ล้านคน แต่มีผู้ยื่นแบบภาษีเพียง 10.7 ล้านคน และมีผู้ที่อยู่ในเกณฑ์ต้องเสียภาษีเพียง 4.2 ล้านคนเท่านั้น ขณะเดียวกัน มีผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐกว่า 13 ล้านคน ซึ่งบางส่วนมีรายได้เกินเกณฑ์แต่ยังคงรับสิทธิ์อยู่
นอกจากนี้ Data Lake ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล โดยเชื่อมโยงข้อมูลจาก 3 กรมจัดเก็บภาษี ได้แก่ กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากร เพื่อปิดช่องโหว่การหลบเลี่ยงภาษี เช่น กรณีผู้นำเข้าที่เสียภาษีในอัตราต่ำ แต่มีรายได้หรือกำไรสูงผิดปกติ ซึ่งจะถูกตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมาย