น้ำเหล็กหลอมหกรด คนงานเมียนมาเจ็บ 1 เสียชีวิต 1

(12 ส.ค. 68) เวลา 03.00 น. ร.ต.อ.กิตติพงษ์ สีหบุตร พนักงานสอบสวน สภ.ระเบาะไผ่ อ.ศรีมหาโพธิ ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่กู้ภัยร่วมกตัญญูปราจีนบุรี ว่ามีอุบัติเหตุภายในโรงงานหลอมเหล็กแห่งหนึ่ง เบื้องต้นมีทั้งผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต

หลังจากเข้าตรวจสอบในพื้นที่ทราบว่าโรงงานตั้งอยู่ริมถนนสาย 304 คลองรั้ง-เขาหินซ้อน หมู่ที่ 9 ต.หนองโพรง อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ตรวจสอบบริเวณชั้นสองของโรงงาน พบร่างผู้เสียชีวิต 1 รายเป็นแรงงานชาวเมียนมา เสียชีวิตอยู่ข้างเตาหลอม สภาพร่างไหม้เกรียม นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 1 รายเจ้าหน้าที่กู้ภัยกู้ชีพเร่งนำตัวส่ง รพ.เพื่อให้แพทย์ตรวจรักษาและดูอาการ

ต่อมาเมื่อช่วงสายของวันนี้ น.ส.จุฑามาศ บัวเผื่อน นายอำเภอศรีมหาโพธิ ร่วมกับอุตสาหกรรมจังหวัดปราจีนบุรี สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดปราจีนบุรี เจ้าหน้า ตำรวจ สภ.ระเบาะไผ่ และอบต.หนองโพรง ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่โรงหลอมเหล็กดังกล่าว พบว่าบริษัทดังกล่าวเป็นบริษัทของคนไทยได้จ้างแรงงาน MOU ชาวเมียนมา เข้ามาทำงานเป็นส่วนใหญ่ 80%

สาเหตุเกิดจากขณะทำงาน ในกระบวนหลอมเหล็กเพื่อขึ้นรูปเหล็กโดยใช้เครน (Overhead crane) ยกเคลื่อนย้ายถังน้ำเหล็กหลอมละลายที่มีความร้อนประมาณ 1,600 องศาเซลเซียส เพื่อนำน้ำเหล็กหลอมไปเทใส่แบบขึ้นรูป

ปรากฏว่าไม่สามารถบังคับให้เครนหยุด ทำให้ถังบรรจุน้ำเหล็กกระแทกโครงสร้าง เป็นเหตุให้ลูกจ้างชาวเมียนมาร์ ถูกน้ำเหล็กหลอมราดใส่ทั้งตัวเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 ราย และอีกคนวิ่งออกมาลื่นไปโดนน้ำเหล็กได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 ราย ขณะนี้รักษาที่โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ปราจีนบุรี

ทั้งนี้ สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดปราจีนบุรี มีคำสั่งให้โรงงานหยุดประกอบกิจการในส่วนที่เกิดเหตุ โดยเสนอแผนปรับปรุงแก้ไขโรงงาน และมาตรการป้องกันความปลอดภัยให้ทราบ ภายใน 30 วัน ขณะที่กรมสวัสดิการและคุ้มครอง แจ้งให้บริษัทเข้าพบ เพื่อสวบสวนหาสาเหตุ และดำเนินการในส่วนเกี่ยวข้อง

ทางด้าน อบต.หนองโพรง แจ้งให้บริษัท นำส่งผลการตรวจเครน และจะเข้าตรวจสอบในส่วนของอาคาร และ พนักงานสอบสวน สภ.ระเบาะไผ่ ได้เข้าตรวจสอบพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ เพื่อสืบสวนสอบสวนหาสาเหตุ และดำเนินคดีในส่วนที่เกี่ยวข้อง

โดยนายอำเภอศรีมหาโพธิ ได้กำชับบริษัท ในเรื่องมาตรการความปลอดภัยและการเยียวยาผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บให้ได้รับการช่วยเหลือโดยเร่งด่วนต่อไป