เดือดจัด! "แพรรี่ ไพรวัลย์" ซัดกลับ "อ.ปวิน" เมื่อไหร่จะเลิกนิสัยกะเทยอ๊องยาคุม จิกกัดคนอื่นไปทั่ว
เดือดจัด! "แพรรี่ ไพรวัลย์" ซัดกลับ "อ.ปวิน" เมื่อไหร่จะเลิกนิสัยกะเทยอ๊องยาคุม จิกกัดคนอื่นไปทั่ว-ดูถูกสติปัญญาคนอื่น หลังถูกตั้งคำถามถึงความเป็นเปรียญเก้า พร้อมถามกลับถึงความเป็นศาสตราจารย์-ความเป็นนักวิชาการในตัว "อ.ปวิน"
วันที่ 13 ส.ค. 68 ไพรวัลย์ วรรณบุตร หรือ แพรรี่ ไพรวัลย์ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า โพสต์สุดท้ายก่อนนอนแล้วนะคะ ในฐานะของกะเทยชาตินิยมคนหนึ่ง ใช่ค่ะ ดิฉันสนับสนุนการปกป้องอธิปไตยของชาติ ดิฉันให้กำลังใจกับนายทหารทุกคนที่เสียสละเลือดเนื้อเพื่อปกป้องประเทศ
ดิฉันด่าอีวุ้นเส้นดิฉันด่าอีมาลี เพราะดิฉันมองว่าสองคนนี้เป็นสารตั้งต้นของความรุนแรง โดยเฉพาะอีวุ้นเส้น ซึ่งมักปลูกฝังความเกลียดชังให้คนในชาติของมัน ทั้งมีอำนาจในการสั่งให้คนไปรบและตายแทนมันได้จริงๆ
ในการปะทะกันที่เกิดขึ้นครั้งล่าสุด และในการเชื่ออย่างสุจริตใจ ของตัวดิฉันเองว่า กองทัพของเราได้พยายามอย่างเหลือเกินแล้วที่จะใช้สันติวิธีในการอยู่ร่วมกับประเทศเพื่อนบ้าน พยายามจะหาทางออกอันจะนำไปสู่การเจรจา และการหลีกเลี่ยงสงคราม
แต่กับภาพความบาดเจ็บสูญเสียของนายทหารชั้นผู้น้อย การยั่วยุที่ไม่จบสิ้นของประชาชนจากประเทศเพื่อนบ้าน การเริ่มต้นด้วยการสั่งปิดชายแดน และการสั่งปิดปราสาท ดิฉันถือว่าเรายืนอยู่บนหลักของการใช้สันติวิธีอย่างเต็มที่แล้วค่ะ และดิฉันก็เห็นด้วยมาโดยตลอด
แต่เมื่อมันมีเหตุการณ์เปิดฉากยิง มีการเพิ่มกำลังทหารของประเทศเพื่อนบ้าน มีการใช้ความรุนแรงซึ่งเราไม่ได้เป็นคนเริ่มต้น และทางกองทัพก็ตัดสินใจดีแล้วว่าเป็นทางเลือกสุดท้ายซึ่งเราจำเป็นต้องทำเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ
ตั้งแต่ตอนนั้น ดิฉันคิดว่าไม่เพียงแค่ดิฉันคนเดียวเท่านั้น แต่รวมถึงคนไทยหลายคนหรืออาจจะหลาย 10 ล้านคน คงมีความคิดไม่ต่างกัน ในทางที่จะส่งกำลังใจและสนับสนุนภารกิจของกองทัพเพื่อการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนหรือแม้แต่ความ ปลอดภัยของประชาชนแนวชายแดนอย่างมากมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ต้องเข้าใจก่อนนะคะว่าดิฉันไม่ได้มีส่วนในการวางแผนเรื่องการรบ ไม่ได้มีอำนาจในการตัดสินใจว่าจะทิ้งระเบิดตรงไหน ดังนั้นการจะมาพูดว่าดิฉันโหมสงคราม จึงฟังดูเป็นเรื่องเพ้อเจ้อสิ้นดีค่ะ
ใช่ค่ะ ดิฉันเห็นด้วยกับการปกป้องประเทศชาติจากเหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้นครั้งนี้ ย้ำว่าเห็นด้วยกับการปกป้องนะคะ เพราะดิฉันมองว่าเราไม่ใช่คนเริ่ม และเราไม่ได้รุกรานค่ะ
ตลอดเวลาในช่วงที่เกิดการปะทะ ดิฉันพยายามกลั่นกรองข้อมูล และนำเสนอข้อเท็จจริงซึ่งดิฉันเห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อการรับรู้ความเป็นไปของสถานะการณ์ พยายามทำหน้าที่เท่าที่ทำได้ ในการทั้งส่งสารในการทั้งแก้ต่าง เพื่อชี้แจงและตอบโต้ข้อมูล Fake News ซึ่งฝั่งตรงข้ามพยายามสร้างขึ้นมากมายไปหมด
ดิฉันมีโทสะแน่นอนค่ะ ดิฉันไม่ปฏิเสธเลยอย่างที่ปวินพูดถึง โดยเฉพาะก็โทสะที่มีต่อผู้นำประเทศและผู้นำทางการทหารของกัมพูชา แต่ตัวปวินเองก็ควรจะต้องยอมรับทั้งความเกลียดชังและความมีอคติภายในจิตใจของตัวเองด้วย คือมึงตั้งคำถามกับกูก็ควรส่องกระจกตั้งคำถามกับตัวมึงเอง
ความเป็นศาสตราจารย์ที่มีในตัวของปวิน ในหลายครั้งก็ไม่ได้ช่วยยับยั้งความอคติส่วนตัวที่ปวินมีต่อผู้อื่น นิสัยสันดานที่ชอบแขวะกัด โพสต์แขวนด่าทอ ก็เป็นนิสัยที่ปวินมีและเห็นได้ทั่วไปไม่ต่างจากคนอื่นๆ ที่ปวินมักตั้งคำถามอย่างเป็นวิชาการ ไม่ผิดจากเคสรถตู้ที่มีเสียงชี้หน้าด่าผู้อื่นว่ากะเทย ควรจะต้องมีเสียงตอบกลับไปว่า มึงสิอีกะเทย เช่นกัน
ขอบคุณที่พยายามพูดถึงความเป็นเปรียญเก้าที่มีอยู่ในตัวของดิฉัน แต่ดิฉันอยากจะแจ้งให้ทราบว่า ดิฉันตระหนักถึงคุณวุฒิ รวมถึงคุณธรรมภายในจิตใจ ที่ดิฉันมีอยู่ตลอดเวลาโดยไม่จำเป็นต้องรอให้คนแบบปวินมาเตือนสติให้
แน่นอนค่ะว่าศาสนธรรมสอนให้ดิฉันมีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น มีความปรารถนาดีและความสงสารในการใช้ชีวิต ของมนุษย์ทุกคน ด้วยเหตุอันเป็นเช่นนี้ดิฉันถึงกล้าที่จะออกมาเตือนอินฟลูหลายๆคน ที่พยายามจะไล่ล่าทำร้ายแรงงานกัมพูชาที่อาศัยอยู่ในเมืองไทย ทั้งไลฟ์สดใน TikTok ทั้งเขียนข้อความใน Facebook ใจ
ถ้าดิฉันเป็นคนที่ไม่เข้าใจและไร้มนุษยธรรมอย่างแยกแยะไม่ได้แบบที่ปวินพูดถึงจริง ดิฉันคงไม่นำอาหารหรือน้ำดื่มไปแจกให้กับคนงานชาวกัมพูชาที่สร้างบ้านให้กับดิฉันอยู่ทุกวันนี้แน่นอนค่ะ
แต่ สงครามเป็นเรื่องของสงคราม และใครก็ตามที่ในมือมีอาวุธทั้งมุ่งจะบีฑาทำร้ายคนอื่น เขาก็สมควรจะต้องได้รับการป้องกันและตอบโต้ค่ะ ทั้งนี้เพื่อมิให้ สิ่งที่เขาทำเป็นภัยคุกคามต่อผู้อื่น ซึ่งล้วนเป็นชาวบ้านมือเปล่าซึ่งปรารถนาความสงบสุขและสันติภาพ
ทหารคือเจ้าหน้าที่ในความรู้สึกของดิฉัน และการจัดการกับภัยคุกคาม ก็เป็นหน้าที่โดยตรงของเขา ดิฉันตระหนักและเห็นแก่ ชีวิตรวมถึงความสงบสุขของคนมือเปล่าค่ะ ดิฉันจึงสนับสนุนการทำหน้าที่ของทหารในการจัดการคนที่มีอาวุธที่อยู่ในมือ
ถ้าดิฉันเห็นด้วยกับการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมและป่าเถื่อนจริง ถ้าดิฉันไม่เคารพต่อชีวิตของผู้คน ดิฉันคงไม่นำเสนอภาพของการที่ทหารไทยห่อร่างที่ไร้วิญญาณของทหารกัมพูชาและนำไปคืนให้ถึงชายแดนระหว่างประเทศ คงไม่พยายามพูดถึงจำนวนของนายทหารที่เสียชีวิต และตั้งคำถามถึงอีวุ้นเส้นและอีมาลี เพื่อให้ พูดความจริงและเคารพต่อการอุทิศตนเพื่อชาติ ของทหารเหล่านั้น
เมื่อมีการทำข้อตกลงหยุดยิง ดิฉันก็ไม่ต่างจากคนอื่นที่มีความรู้สึกดีใจที่ความรุนแรงได้ยุติลง ดิฉันจึงเรียกร้องให้ผู้นำของประเทศกัมพูชาเคารพข้อตกลง และทำตามสิ่งที่ตัวเองได้ให้สัญญาเอาไว้ ดิฉันไม่เคยโพสต์เรียกร้องให้ทหารก่อสงครามนะคะ อันนี้ขอยืนยันอีกครั้ง
ความจริงคือสงครามเกิดก่อนที่กูจะแสดงความเห็นค่ะ พอกูส่งกำลังใจให้ทหารในการทำหน้าที่ซึ่งเขามีภารกิจชัดเจนของเขาอยู่แล้ว พอกูให้กำลังใจในการเสียสละของทหาร กลายเป็นว่ากูเป็นคนโหมสงคราม สร้างความเกลียดชัง หากินกับชาตินิยม มึงก็พูดเหมือนว่ากูเป็นแม่ทัพภาคที่สองซึ่งสามารถสั่งให้ใครไปออกรบหรือไม่ออกรบได้ พูดเหมือนว่ากูมีอำนาจสั่งให้เครื่องบินรบขึ้นบินไปรอบประสาทตาเมือนธม
ในโพสต์ที่พูดถึงรายได้ ดิฉันพยายามไม่แตะประเด็นอื่นเลย เพราะดิฉันต้องการประชดอีวุ้นเส้นกับอีมาลีเพียงเท่านั้นว่าการที่ดิฉันเสียเวลามานั่งด่าพวกมันสองคนไม่ได้ทำให้ดิฉันสูญเสียรายได้ซึ่งปกติดิฉันขายของประจำอยู่แล้ว
แต่ก็นั่นแหละเป็นเพราะว่าจุดยืนในเรื่องนี้ของดิฉันแตกต่างจากนักวิชาการบางคน จึงกลายเป็นว่าการโพสต์รายได้ของดิฉันถูกโยงไปถึงเรื่องการสูญเสียเรื่องการบาดเจ็บล้มตาย ซึ่งตัวดิฉันเองก็พยายามเคารพมาโดยตลอดและพยายามที่จะไม่พูดเป็นเรื่องตลก
ก็ไม่มีอะไรมากกว่านี้นะคะ แค่จะมาแสดงจุดยืนในความเห็นของตัวเองที่มีต่อการปะทะกันที่ผ่านมา ว่าจุดยืนดิฉันเป็นแบบนี้ จุดแบ่งของดิฉันอยู่ตรงนี้ ซึ่งต่อให้ใครจะยังด่าทอดิฉันก็ตาม แต่ดิฉันก็จะยังคงเคารพในจุดยืนของดิฉันที่ดิฉันเลือกและตัดสินใจด้วยตัวเอง
ส่วนเรื่องที่ปวิน พูดเรื่องการเปิดกว้าง เรื่องการมีมนุษยธรรมต่างๆ ดิฉันได้สำรวจจิตใจตัวเองแล้ว และดิฉันคิดว่าดิฉันยังคงมีอยู่ อย่างเต็มที่ค่ะ ดิฉันยังคงแยกแยะได้ และเรื่องนี้จะพิสูจน์ได้จริงๆ ไม่ใช่เพราะคำพูดของปวินที่กล่าวหาดิฉัน แต่เป็นเพราะต่อดิฉันได้ใช้ชีวิตร่วมกับเพื่อนร่วมสังคมคนอื่นๆ อย่างแท้จริง
ปวินตั้งคำถามถึงความเป็นเปรียญเก้าและคุณธรรมในตัวของดิฉัน ดิฉันก็ใคร่อยากจะขอตั้งคำถามถึง ความเป็นศาสตราจารย์และความเป็นนักวิชาการในตัวของปวินบ้าง
เมื่อไหร่คะ ที่ปวินจะมีความเป็นนักวิชาการอย่างแท้จริง และมีเหตุผลอย่างตรงไปตรงมาในทุกเรื่อง อย่างที่นางชอบใช้กับคนอื่น
เมื่อไหร่จะเลิกนิสัยอย่างกะเทยอ๋องยาคุม วันดีมีวิชาการแต่คืนดีก็ไร้เหตุผล จิกกัดคนอื่นไปทั่ว ไม่บูลลี่หน้าตา ก็ดูถูกสติปัญญาคนอื่น ความใจแคบและอคติส่วนตัวของปวินในหลายๆ เรื่อง ทำให้ปวินดูเป็นคนที่มีวุฒิภาวะและเหตุผลมากกว่าคนอื่นตรงไหนคะ ถ้าไม่ใช่แค่เรียนสูงแล้วก็ประดิษฐ์คำพูดเป็นครั้งๆได้ดีกว่าคนอื่นก็แค่นั้น แต่พฤติกรรมก็เห็นๆ อยู่ค่ะ
ก็ฝากไว้แค่นี้แหละค่ะ ขอบพระคุณนะคะ