KTB- SCBตัวเลือกหุ้นแบงก์ สินเชื่อเสี่ยงต่ำ-ปันผลจ่ายหรู
#KTB #SCB #ทันหุ้น – บล.ดาโอ เผยบทวิเคราะห์ ตัวเลขสินเชื่อ กรกฎาคม 2568 ลดลง -0.6% MoM จากสินเชื่อรายใหญ่และ SME โดย BBL สินเชื่อลดลงมากสุด 1.8% จากสินเชื่อรายใหญ่เป็นหลัก ส่วน SCB ทำได้ดีที่สุดทรงตัว MoM จากสินเชื่อรายใหญ่ที่เพิ่มขึ้น พร้อมให้น้ำหนัก กลุ่มแบงก์ มากกว่าตลาด Valuation ยังถูก Dividend Yield ของกลุ่มที่อยู่สูง เลือก KTB, SCB เป็น Top Pick
บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดตัวเลขสินเชื่อเดือน กรกฎาคม 25 ลดลง -0.6% MoM จากสินเชื่อรายใหญ่และ SME ภาพรวมสินเชื่อเดือนกรกฎาคม 2568 ทั้ง 7 ธนาคารที่เรา Cover อยู่ที่ 10.7 ล้านล้านบาท ลดลง -0.6% MoM จากสินเชื่อรายใหญ่และ SME โดยธนาคารที่มีสินเชื่อทำได้ดีที่สุด MoM มีเพียงธนาคารเดียวคือ SCB ที่ทรงตัว MoM จากสินเชื่อรายใหญ่ที่เพิ่มขึ้น
*BBL สินเชื่อหดตัวมากสุด
ในส่วนของธนาคารที่เหลือมีสินเชื่อที่หดตัวลงกันหมด โดยธนาคารที่มีสินเชื่อลดลงมากที่สุดคือ BBL ลดลง -1.8% MoM จากสินเชื่อรายใหญ่ที่ลดลงเป็นหลัก รองลงมาเป็น KKP ลดลง -0.8% MoM จากสินเชื่อเช่าซื้อและรายใหญ่ที่ลดลง และ KBANK ลดลง -0.5% MoM จากสินเชื่อรายใหญ่แล ะSME ที่ลดลง
ส่วนภาพรวมของเงินฝากเดือน กรกฎาคม 2568 อยู่ที่ 12.6 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น +0.4% MoM โดยธนาคารที่เงินฝากเพิ่มขึ้นมากที่สุดคือ KTB เพิ่มขึ้น +2.7% MoM จากเงินฝาก CASA ของภาครัฐเป็นหลัก ส่วนเงินฝากที่ลดลงมากที่สุดคือ KKP ลดลง -1.5% MoM จากทั้งเงินฝาก ประจำ และ CASA (ที่มา : ข้อมูลบริษัท)
มองเป็นลบต่อกลุ่มธนาคาร ฝ่ายวิเคราะห์มีมุมมองเป็นลบต่อสินเชื่อในเดือนกรกฎาคม 2568 ที่ลดลงต่อเนื่องอีก -0.6% MoM จากเดือน มิถุนายน 2567 ที่ลดลง -0.2% MoM โดยการลดลงส่วนใหญ่เป็น สินเชื่อรายใหญ่และ SME ขณะที่สินเชื่อภาครัฐยังคงเติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ยังมีสินเชื่อรายย่อยยังเพิ่มขึ้นได้ ส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อที่ผลตอบแทนสูงอย่างบ้านแลกเงินและสินเชื่อ บุคคล แต่สินเชื่อเช่าซื้อยังลดลงตามยอดขายรถยนต์ที่มีการปรับตัวลดลง และจากกำลังซื้อชะลอตัว รวมถึงหนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง ทำให้กลุ่มธนาคารมีการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น
*สินเชื่อรายใหญ่มีแรงโต
ขณะที่ ฝ่ายวิเคราะห์คาดว่าสินเชื่อรายใหญ่จะมี Momentum ที่เพิ่มขึ้นได้ในช่วง 4Q/2568E ตามฤดูกาล
รวมถึงงบประมาณภาครัฐที่เพิ่งมีการอนุมัติเสร็จ นอกจากนี้จะส่งผลให้มีสินเชื่อภาครัฐเพิ่มขึ้นต่อได้ ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์ยังคงประมาณการสินเชื่อรวมทั้งปี 2568E ของ กลุ่มไว้ที่ -1.3% YoY (7M/68 อยู่ที่ -1.6% YTD)
ด้าน NPL คาดว่ามีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่เชื่อว่าจะทยอยเพิ่มขึ้นไม่น่ากังวลมากนัก เพราะแต่ละธนาคารมีการตั้งสำรองจำนวนมากมาอย่างต่อเนื่องในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และมีการทยอยขายหนี้เสียออกมา
อย่างต่อเนื่อง โดยคาด NPL ในปี 2568E จะอยู่ที่ 3.20% จาก 3.05% ในปี 2567
ยังคงน้ำหนักเป็น “มากกว่าตลาด” เลือก KTB, SCB เป็น Top Pick ให้น้ำหนักการลงทุนของกลุ่มธนาคารเป็น “มากกว่าตลาด” เพราะ Valuation ยังถูก โดยเทรดที่ระดับเพียง 0.65x PBV (-1.25SD Below 10-Yr Average PBV) และระดับ Dividend Yield ของกลุ่มที่อยู่สูง ถึง 7% จากค่าเฉลี่ยของตลาดหุ้นที่ 3% โดยยังคงเลือก KTB, SCB เป็น Top Pick และ SCB ยังจะได้รับผลบวกจากสินเชื่อที่ดูดีสุดในเดือนกรกฎาคม 2568
*ชู KTB-SCB
โดย KTB ราคาเป้าหมายที่ 27.00 บาท อิง 2568E PBV ที่ 0.80x (-0.50SD Below 10-Yr Average PBV) จาก Asset Quality ที่แข็งแกร่งจากการเน้นปล่อยสินเชื่อภาครัฐ ซึ่งเป็นสินเชื่อที่มีความเสี่ยงต่ำและรองรับกับสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงได้ รวมถึง มี Dividend Yield สูง ราว 7% นอกจากนี้ยังมี Coverage Ratio ที่ยังอยู่ในระดับสูงถึง 194%
SCB ราคาเป้าหมายที่ 140.00 บาท อิง 2568E PBV ที่ 0.95x (-0.75SD Below 10-Yr Average PBV) จากแนวโน้มกำไรสุทธิปี 2568E จะเติบโตได้โดดเด่นที่สุดในกลุ่ม และมีเงินปันผลที่สูงที่สุดในกลุ่มที่ราว 9% ประกอบกับแนวโน้ม NPL มีการปรับตัวลดลงอย่างชัดเจน