ปิดสวิตช์ “ชินวัตร”?!? เปิดไทม์ไลน์รีเซ็ตการเมืองไทย!!
การเมืองไทยปี 2568 ไม่ได้ดำเนินไปแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่กลับเร่งสปีดเข้าสู่ภาวะวิกฤต เมื่อคดีสำคัญหลายคดีบรรจบกันในเวลาใกล้เคียงกัน และทุกคดีต่างพุ่งตรงไปยังตระกูลชินวัตรที่ถือเป็นเสาหลักของอำนาจทางการเมืองในรอบสองทศวรรษที่ผ่านมา การเดินเกมครั้งนี้เปรียบเสมือนการกดปุ่ม “ปิดสวิตช์ชินวัตร” เพื่อล้างกระดาน และนี่คือ Timeline แห่งการเผชิญหน้าที่ไม่อาจเลี่ยงได้
ต้นปี 2568 – โครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท
รัฐบาลเพื่อไทยประกาศนโยบายแจกเงินดิจิทัลเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ แต่สิ่งที่ถูกตั้งคำถามทันทีคือแหล่งที่มาของงบประมาณ การเบี่ยงงบกว่า 35,000 ล้านบาทจากงบชำระหนี้ไปใช้ในโครงการนี้ จุดชนวนข้อครหาว่าอาจเข้าข่ายผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 144 และกลายเป็นชนวนให้เกิดแรงกดดันมหาศาลในสภา
กลางปี 2568 – การร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.
อดีตสมาชิกวุฒิสภาและนักวิชาการบางส่วนยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เพื่อให้ตรวจสอบความชอบด้วยกฎหมายของการแปรญัตติงบประมาณ มติในสภาผู้แทนราษฎรที่เห็นชอบถึง 309 เสียง ถูกใช้เป็นหลักฐานประกอบการร้องเรียน แม้ยังไม่มีการเอาผิด ส.ส. โดยตรง แต่ก็เป็นจุดเริ่มของการตรวจสอบที่อาจลุกลามได้
ปลายเดือนมิถุนายน – คดี 44 ส.ส. ก้าวไกลถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง
ป.ป.ช. มีมติไต่สวนอดีต ส.ส. ก้าวไกลจำนวน 44 คน ที่ร่วมลงชื่อเสนอแก้ไขมาตรา 112 เมื่อปี 2564 แม้บางคนจะไม่ได้เป็น ส.ส. แล้ว แต่หลายคนปัจจุบันสังกัดพรรคประชาชน ทำให้การไต่สวนครั้งนี้มีเดิมพันสูง เพราะหากถูกชี้ว่าผิดจริง โทษอาจนำไปสู่การตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต นี่จึงไม่ใช่แค่คดีจริยธรรม แต่คือการเคลียร์เวทีการเมืองเพื่อเปิดทางให้ผู้เล่นใหม่
ต้นเดือนกรกฎาคม – ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องคดีแพทองธาร
เสียงจากคลิปสนทนาระหว่างนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร กับฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา กลายเป็นหลักฐานสำคัญ ส.ว. ใช้เป็นเหตุในการยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ กรณีขาดคุณสมบัติและฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรม ศาลมีมติรับคำร้อง พร้อมสั่งให้นายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที การเมืองเข้าสู่ภาวะ “สุญญากาศชั่วคราว” ที่สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งรัฐบาล
ปลายกรกฎาคม–สิงหาคม – การไต่สวนเข้มข้น
ศาลรัฐธรรมนูญนัดไต่สวนพยานบุคคลสำคัญ ทั้งแพทองธาร และนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ต่างขึ้นให้การต่อศาลโดยตรง ศาลสั่งห้ามเผยแพร่คำให้การ และนัดอ่านคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เหตุการณ์นี้ถูกจับตาทั่วประเทศว่าอาจกลายเป็น “วันชี้ชะตา” ตระกูลชินวัตร
22 สิงหาคม – ทักษิณรอดคดี 112
ในขณะที่ลูกสาวต้องขึ้นศาล ทักษิณ ชินวัตร กลับได้รับข่าวดีเมื่อศาลอาญามีคำพิพากษายกฟ้องคดีมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยให้เหตุผลว่าพยานหลักฐานไม่เพียงพอ และคลิปเสียงที่ใช้เป็นหลักฐานไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นของจริง แต่ถึงอย่างนั้น ทักษิณยังไม่อาจหลุดพันธนาการทางกฎหมาย เพราะยังมีคดีอื่น โดยเฉพาะคดี “ชั้น 14” ที่ยังคงเป็นนักโทษอยู่
9 กันยายน – วันนัดฟังคดีบังคับโทษทักษิณ
ถึงจะพ้นจากคดี 112 แล้ว แต่ทักษิณยังต้องไปต่อสู้ในชั้นศาลฎีกาเรื่องการบังคับโทษ หากศาลสั่งยืน เขาจะยังคงอยู่ในสถานะนักโทษ แม้จะได้พักโทษให้อยู่โรงพยาบาล แต่ถ้าศาลมีคำสั่งผ่อนปรน นั่นหมายความว่าเขาอาจกลับมาเคลื่อนไหวบนเวทีการเมืองได้อีกครั้ง
เมื่อมอง Timeline ทั้งหมด จะเห็นว่าพายุการเมืองปี 2568 ไม่ได้เกิดจากจุดเดียว แต่เป็นการบรรจบของสามคลื่นใหญ่ คือ คดีงบประมาณ 35,000 ล้าน คดีจริยธรรม 44 ส.ส. และคดีแพทองธาร โดยมีเส้นเรื่องคู่ขนานคือชะตากรรมของทักษิณที่ยังรอการตัดสิน ทั้งหมดนี้พุ่งตรงไปที่การสั่นคลอน “ระบอบชินวัตร” โดยตรง
หากศาลและองค์กรอิสระตัดสินไปในทิศทางเดียวกัน ก็เท่ากับการปิดฉากตระกูลการเมืองที่ทรงอิทธิพลที่สุดในรอบสองทศวรรษ เปิดพื้นที่ให้ผู้เล่นรายใหม่ก้าวขึ้นมาแทน แต่หากครอบครัวชินวัตรยังฝ่าพายุรอดไปได้อีกครั้ง ก็จะเป็นการยืนยันว่า ระบอบชินวัตรยังแข็งแกร่งเกินกว่าที่ใครจะโค่นล้มได้ง่าย ๆ ไม่ว่าผลสุดท้ายจะออกมาเช่นไร วันที่ 29 สิงหาคมและวันที่ 9 กันยายนจะถูกบันทึกในประวัติศาสตร์การเมืองไทยว่าเป็นหมุดหมายของการ รีเซ็ตการเมืองไทย ครั้งใหญ่ที่สุดนับจากการรัฐประหารปี 2557
#ปิดสวิตช์ชินวัตร #รีเซ็ตการเมืองไทย #แพทองธาร #ทักษิณ #การเมืองไทย #ข่าวการเมืองล่าสุด