ทำงานให้ ‘เวิร์ก’ ต้องหา ‘Sweet Spot’ จุดลงตัว ให้เจอ
เคยรู้สึกไหมว่า เราทำได้ แต่ไม่ได้ทำในสิ่งที่รัก เราอยากทำ แต่ไม่มีใครเปิดโอกาส เราทำเก่ง แต่ไม่รู้ว่ามีใครเห็นคุณค่าไหม
คำถามเหล่านี้เกิดขึ้นกับคนทำงานจำนวนมาก และหนึ่งในโมเดลที่ช่วยให้เราหาคำตอบได้ดีคือSweet Spot Model ซึ่งบอกว่า การทำงานให้เวิร์ก ไม่ได้ขึ้นอยู่แค่ความเก่ง หรือความตั้งใจ
แต่ขึ้นอยู่กับ 3 สิ่งที่ต้องมาบรรจบกัน ได้แก่ ความสามารถ (Competency) ความต้องการขององค์กร (Organizational Needs) และ แรงจูงใจ (Motivation)
Sweet Spot คือ "จุดลงตัว" ที่คุณจะรู้สึกว่า "นี่แหละ งานที่ใช่สำหรับเรา" และ "เราก็ใช่สำหรับงานนั้น"
ความสามารถ (Competency) คือ ทักษะ ความรู้ ความสามารถ และพฤติกรรมที่จำเป็นต่อการทำงานให้สำเร็จได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Competency ไม่ได้หมายถึงแค่ "เก่ง" เท่านั้น แต่ต้องเป็นความเก่งที่สามารถส่งมอบผลงาน และ สร้างคุณค่าได้จริง เช่น ทักษะการสื่อสาร (Communication Skill) ความสามารถในการแก้ปัญหา (Problem Solving) และ ความเป็นผู้นำ (Leadership)
ความต้องการขององค์กร (Organizational Needs) คือสิ่งที่องค์กรต้องการเพื่อให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ องค์กรไม่ได้ต้องการแค่คนเก่ง แต่ต้องการ "คนเก่งในสิ่งที่องค์กรต้องใช้"
เช่น ถ้าองค์กรกำลังทรานส์ฟอร์มด้านดิจิทัล ก็จะต้องการคนที่เข้าใจ Data, Digital Tools, UX Design ฯลฯ การเข้าใจว่าตัวเอง "ตอบโจทย์อะไร" ในองค์กร นับว่าเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้คุณ "ไม่ตกขบวน"
แรงจูงใจ (Motivation) คือ สิ่งที่ทำให้เรารู้สึก "อยากทำ" ไม่ใช่แค่ "ต้องทำ" แรงจูงใจมีทั้งแบบภายใน (Intrinsic) เช่น ความสุข ความหมาย ความท้าทาย และแรงจูงใจภายนอก (Extrinsic) เช่น เงินเดือน โบนัส ชื่อเสียง ตำแหน่ง
คนที่มีแรงจูงใจภายในสูง มักทำงานได้ต่อเนื่องแม้ไม่มีรางวัล เพราะเขารักในสิ่งที่ทำ
ลองนึกภาพวงกลม 3 วงที่ซ้อนทับกัน วงที่ 1 คุณเก่งอะไร วงที่ 2 องค์กรต้องการอะไร วงที่ 3 คุณอยากทำอะไร จุดตัดตรงกลาง คือ Sweet Spot มันคือ จุดลงตัวที่ "คุณก็เก่ง องค์กรก็ต้องการ และคุณก็อยากทำ"
คนที่อยู่ใน Sweet Spot จะมีโอกาสเติบโตเร็ว มีความสุข และสร้างผลงานที่มีความหมาย
แล้วถ้าไม่อยู่ใน Sweet Spot ล่ะ! เราก็จะพบ 3 สถานการณ์ที่ไม่สมดุล คือ
เก่งและอยากทำ แต่ไม่ตรงกับที่องค์กรต้องการ "Passion" กับ "Organization" ไม่เจอกัน เช่น เป็นคนเก่งด้านศิลปะ แต่ทำงานในสายบัญชี ที่ไม่ให้ใช้ความคิดสร้างสรรค์เลย ผลลัพธ์คือ เบื่องาน ไม่ถูกใช้ศักยภาพ
องค์กรต้องการ และเราก็ทำได้ แต่เราไม่ชอบ "ทำได้แต่หมดไฟ" เช่น ถูกเลื่อนเป็นหัวหน้าทีม ทั้งที่ไม่ชอบการบริหารคน ผลลัพธ์คือ เครียด แรงจูงใจลดลง ไม่อยากมาเช้า ไม่อยากพูดกับใคร
เราอยากทำ และองค์กรก็ต้องการ แต่เรายังไม่เก่ง "อยากทำแต่ยังไม่พร้อม" เช่น
อยากเป็น Data Analyst แต่ยังวิเคราะห์ข้อมูลไม่เก่ง ผลลัพธ์คือ ต้องเร่ง Upskill ให้ทัน
แล้วจะทางพัฒนาให้เข้าสู่ Sweet Spot ได้อย่างไร
1.ประเมินตนเองอย่างตรงไปตรงมา (Self-Assessment) ถามตัวเองว่า:
- เราเก่งอะไร (Competency Audit)
- เราอยากทำอะไร (Passion & Interest)
- เรารู้เป้าหมายองค์กรไหม (Business Direction Awareness)
เครื่องมือที่ช่วยได้คือ การพูดคุยกับหัวหน้า (Career Conversation) และการทำ Feedback 360 องศา
2. ตั้งเป้าหมายการพัฒนาแบบมีทิศทาง
อยากอยู่ใน Sweet Spot ต้องพาตัวเองไปอยู่ในงานที่ใช่ หากยังไม่เก่งพอก็ต้อง Upskill หรือ Reskill หากยังไม่รู้ว่าบทบาทที่องค์กรต้องการคืออะไร ก็ต้องตั้งใจฟังทิศทางจากผู้บริหาร หากยังไม่รู้ว่าเราชอบอะไร ก็ต้องลองทำสิ่งใหม่ ๆ แล้วสังเกตตัวเอง
3. สร้างบทสนทนาเรื่อง "เส้นทางเติบโต"
พูดคุยเชิงพัฒนากับหัวหน้าเป็นระยะ เช่น จุดแข็งที่หัวหน้าเห็น งานแบบไหนที่หัวหน้าคิดว่าเราทำได้ดี เส้นทางเติบโตที่เราสามารถไปได้
การพูดคุยเหล่านี้จะช่วยให้พนักงานมองเห็นพื้นที่ Sweet Spot ที่อาจยังไม่เคยรู้ตัว
Sweet Spot Model คือแนวคิดที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง เพราะช่วยให้เราตอบคำถามว่า เราควรโฟกัสกับอะไรในอาชีพการงาน
เมื่อเราทำในสิ่งที่เราถนัด ตรงกับความต้องการขององค์กร และเรามีความอยากทำจากข้างใน ผลลัพธ์ที่ได้คือ ความสำเร็จที่ยั่งยืน ไม่ใช่แค่กับเราเอง แต่กับองค์กรด้วย
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- พายุมาแรง แต่ทีมยังแกร่ง: 5 กลเม็ดผูกใจทีมในยามยาก
- คลี่คลาย 'ความซับซ้อน' ด้วย 'วิธีคิดเชิงระบบ'
- ติเพื่อ 'ก่อ' ไม่ได้ติเพื่อ 'กด'
ติดตามเราได้ที่
เว็บไซต์: https://www.thebangkokinsight.com/
Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
X:https://twitter.com/BangkokInsight
Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
Youtube:https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg