ถอดบทเรียน ‘ร้านเทนยะ’ ปิดกิจการในไทย สุดยื้อสมรภูมิร้านอาหารญี่ปุ่นร้อนระอุ
เปิดสาเหตุ "ร้านเทนยะ" ปิดตำนานกว่า 10 ปีร้านเทมปุระในไทย พ่ายศึกร้านอาหารญี่ปุ่นกว่า 6,000 แห่งแข่งดุ ต้นทุนพุ่ง สะท้อนความท้าทายในธุรกิจร้านอาหารเมืองไทย
ร้านเทนยะ (Tenya) แฟรนไชส์ร้านอาหารญี่ปุ่น ที่มีความโดดเด่นในเรื่องของเทมปุระ ดำเนินการโดยบริษัท บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด (ซีอาร์จี) ในเครือเซ็นทรัล ซึ่งเปิดสาขาในไทยมานานกว่า 10 ปี เตรียมปิดกิจการในไทยโดยให้บริการวันสุดท้าย 31 ส.ค.นี้
อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ ร้านเทนยะ ที่โด่งดังจากญี่ปุ่น ต้องโบกมือลาสังเวียนธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นในเมืองไทยที่มีมูลค่าสูงถึงกว่า 2.5 หมื่นล้านบาท
ย้อนรอยร้านเทนยะ จากญี่ปุ่นสู่ไทย
ร้านเทนยะ ร้านเทมปุระชื่อดังจากญี่ปุ่น ที่มีชื่อเสียงจากเทมปุระ หรืออาหารชุบแป้งทอดสไตล์ญี่ปุ่น มีต้นกำเนิดจากย่านอาซากุสะ (Asakusa) ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น จุดเด่นของเทนยะคือการนำเสนอเมนูเทมปุระที่มีคุณภาพในราคาที่เข้าถึงง่าย หรือที่เรียกว่า ข้าวหน้าเทมปุระ ซึ่งเป็นเมนูยอดนิยมของร้าน
ประกอบกับ ตลาดร้านอาหารญี่ปุ่นในไทย เป็นตลาดที่เติบโตต่อเนื่อง และมีความหลากหลาย ซึ่งการชูจุดเด่นเมนูเทมปุระที่มีคุณภาพในราคาที่เข้าถึงง่าย ทำให้ ซีอาร์จี มองเห็นโอกาสนำเข้ามาทำตลาดในไทย โดยเริ่มเปิดสาขาแรกในปี 2558 ที่ห้าง เซ็นทรัล บางนา ก่อนจะขยายสาขาเพิ่มกว่า 10 สาขา
ความโดดเด่นของ เทนยะ อยู่ที่การเน้นไปที่ข้าวหน้าเทมปุระ ซึ่งประกอบด้วยเทมปุระหลากหลายชนิด เช่น กุ้ง, ปลา, ผักต่าง ๆ ราดด้วยซอสสูตรพิเศษของร้าน นอกจากนี้ยังมีเมนูอื่นๆ เช่น อุด้ง, โซบะ และเมนูตามฤดูกาลเพื่อเพิ่มความหลากหลาย
อย่างไรก็ตาม คู่แข่งของเทนยะไม่ได้จำกัดอยู่แค่ร้านที่ขายเทมปุระโดยเฉพาะเท่านั้น แต่ยังรวมถึงร้านอาหารญี่ปุ่นประเภทอื่นๆ ที่อาจมีเมนูเทมปุระเป็นส่วนหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหารญี่ปุ่นแบบ Fast Casual หรือร้านอาหารที่เน้นความรวดเร็วและราคาไม่แพง เช่น โยชิโนยา หรือ คัตซึยะ รวมไปถึงร้านอาหารญี่ปุ่นประเภทอื่น ๆ เช่น ร้านซูชิ, ราเมน, และร้านอิซากายะ ไปจนถึงร้านเทมปุระระดับพรีเมียม
ขณะที่แนวโน้มธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่น แม้จะมีการแข่งขันสูง แต่ตลาดก็ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเมืองใหญ่และเมืองท่องเที่ยว อีกทั้งพฤติกรรมคนไทยที่เปิดรับอาหารญี่ปุ่นที่หลากหลายมากขึ้น ทำให้ร้านอาหารต้องปรับปรุงเมนูและนำเสนออาหารใหม่ ๆ อยู่เสมอ เช่น การนำเทคโนโลยีมาใช้ การปรับปรุงให้เข้ากับพฤติกรรมลูกค้าโดยเฉพาะในยุคดิจิทัล
สาเหตุหลักของการปิดกิจการ
ภาวะเศรษฐกิจและการแข่งขันที่รุนแรง: ตลาดร้านอาหารญี่ปุ่นในไทยมีการแข่งขันที่สูงมาก ทั้งจากร้านอาหารในกลุ่มเดียวกันและร้านอาหารญี่ปุ่นประเภทอื่น ๆ ทำให้การรักษาส่วนแบ่งตลาดเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมาก
ต้นทุนที่เพิ่มขึ้น: ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน เช่น ค่าเช่าพื้นที่ในศูนย์การค้า, ต้นทุนวัตถุดิบ และค่าแรง มีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้การทำกำไรยากขึ้น
ผลกระทบจากโควิด-19: แม้สถานการณ์จะคลี่คลายแล้ว แต่ธุรกิจร้านอาหารหลายแห่งได้รับผลกระทบอย่างหนักในช่วงการแพร่ระบาด ซึ่งส่งผลต่อการดำเนินงานและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป เช่น การหันไปใช้บริการเดลิเวอรี่มากขึ้น
การปรับตัวที่จำกัด: เทนยะอาจเผชิญกับข้อจำกัดในการปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ไม่สามารถแข่งขันกับร้านอาหารอื่น ๆ ที่มีการปรับปรุงเมนูและกลยุทธ์ทางการตลาดได้ทันท่วงที
การปิดตัวของร้านเทนยะ สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายที่ธุรกิจร้านอาหารต้องเผชิญในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดที่มีการแข่งขันสูง และปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่อง
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- 'ซีพี-อูโอริกิ' ปักหมุดร้านอาหารญี่ปุ่นนั่งทานใน 7-Eleven แห่งแรก สาขาประสานมิตร
- สำรวจหุ้นร้านอาหารไทย เมื่อการเติบโตไม่ง่าย ในยุค Red Ocean
- ธุรกิจร้านอาหาร-เครื่องดื่มปีนี้คาดโตแค่ 2.8% เศรษฐกิจซบกระทบการใช้จ่าย!
ติดตามเราได้ที่