‘รองโฆษกเพื่อไทย’ ย้ำ 5 ข้อสั่งการ รมว.มหาดไทย ช่วยเหลือประชาชนพื้นที่เขตชายแดนไทย-กัมพูชา
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 10 ส.ค. ที่พรรคเพื่อไทย นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย และเลขานุการรมว.มหาดไทย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 9 ส.ค. ได้ติดตามคณะของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขอให้ความมั่นใจกับพี่น้องประชาชนว่า สถานการณ์การสู้รบปัจจุบันได้สงบลงแล้ว และกำลังเดินหน้าเข้าสู่ระยะของการฟื้นฟูพื้นที่ ให้สภาพสังคมและเศรษฐกิจกลับมาเดินต่อได้เหมือนเดิม โดยรัฐบาลได้ประสานทางรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยลงพื้นที่เพื่อช่วยประสานดูแลพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การสู้รบที่ชายแดน รวมถึงสส.ของพรรคเพื่อไทยที่อยู่ในพื้นที่ต่างๆ ขณะนี้ พร้อมเป็นกลไกสำคัญเป็นตัวกลางในการประสานงานความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับสู่ที่พักได้อย่างราบรื่น และมีความพร้อมในการเดินหน้าต่อไป
นายชนินทร์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 9 ส.ค. นายภูมิธรรม และคณะไปส่งพี่น้องประชาชนที่ จ.อุบลราชธานี สุรินทร์ ศรีสะเกษ และบุรีรัมย์ ได้เรียกประชุมผู้ว่าราชการทั้ง 4 จังหวัด เพื่อติดตามและสั่งการการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบ โดยได้สั่งการใน 5 แนวทางสำคัญ ข้อสั่งการแรก เรื่องการอำนวยความสะดวกในการกลับบ้าน ได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมช่วยส่งรถเดินทาง และให้กระทรวงสาธารณสุขช่วยอำนวยความสะดวกรถพยาบาลสำหรับขนส่งผู้ป่วย และผู้สูงอายุช่วยนำพาพี่น้องประชาชนกลับสู่ที่พัก รวมทั้งให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จัดเตรียมสิ่งของอำนวยความสะดวก เตรียมอาหารและเครื่องใช้ เท่าที่จำเป็นให้พี่น้องประชาชนใช้ในช่วงเริ่มต้นหลังจากกลับในที่พักแล้ว
ข้อสั่งการข้อที่สอง เรื่องการสำรวจความเสียหายและการซ่อมแซม ได้มีคำสั่งให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเร่งตรวจสอบความเสียหายของบ้านพัก และสาธารณูปโภคต่างๆ ในพื้นที่ เพื่อเร่งเบิกจ่ายเงินเยียวยา และให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดได้ประสานดำเนินการกับหน่วยงานของราชการทั้งทหารช่าง, อาชีวศึกษา และโยธาธิการ เพื่อช่วยซ่อมแซมบ้านเรือนพี่น้องประชาชนให้กลับสู่สภาพโดยเร็ว โดยใช้เงินทดรองจ่ายที่อนุมัติไปแล้วตามกรอบที่ดำเนินการได้
ข้อสั่งการข้อที่สาม เรื่องการลดภาระค่าครองชีพให้พี่น้องประชาชน โดยเมื่อวันที่ 9 ส.ค. นายภูมิธรรม ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ประกาศเตรียมขอมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อให้การประปาส่วนภูมิภาค และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค งดเว้นการเก็บค่าน้ำค่าไฟ เป็นระยะเวลา 2 เดือน ในช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค. ในพื้นที่ที่ประกาศเป็นพื้นที่เสี่ยงภัย และต้องอพยพในช่วงที่ผ่านมา ตลอดจนช่วงเดือน ส.ค. ที่ได้กลับเข้ามาเริ่มต้นการดำรงชีวิตเหมือนเดิมอีกครั้งจะช่วยบรรเทาค่าครองชีพให้กับพี่น้องประชาชนในช่วง 2 เดือนนี้ไปพลางก่อนได้
ข้อสั่งการข้อที่สี่ การสำรวจการประกอบอาชีพและสาธารณสุข โดยให้กระทรวงสาธารณสุขประเมินและให้ความช่วยเหลือครอบคลุมไปทางประชาชนที่มีการสูญเสียขวัญจากสถานการณ์การสู้รบในช่วงที่ผ่านมา และผู้ปฏิบัติงานทั้งทหาร ตำรวจ ตำรวจตระเวนชายแดน อาสาสมัคร และเจ้าหน้าที่ทุกคนในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงภัยให้มีความพร้อมในการกลับมาประกอบอาชีพและเดินหน้าชีวิตอีกครั้ง
ส่วนข้อสั่งการสุดท้าย คือ การตอบแทนเจ้าหน้าที่อาสาที่ปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือ โดยประกาศเตรียมขอมติ ครม. เพื่อดำเนินการจ่ายค่าตอบแทนให้กับผู้รักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) รวมถึงเจ้าหน้าที่ต่างๆ ที่ดำเนินการภารกิจดูแลประชาชนในช่วงอพยพ โดยมีกรอบวงเงินเบิกจ่ายวันละ 120-240 บาท ขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการดำเนินงาน เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับผู้ปฏิบัติหน้าที่เสี่ยงภัยในช่วงเวลาที่ผ่านมา
“ขอย้ำอีกครั้งว่า รัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย และสส.พรรคเพื่อไทยที่อยู่ในพื้นที่ ทุกคนพร้อมประสานความช่วยเหลือให้กับประชาชนอย่างเต็มที่ เป้าหมายของเราคือการเร่งสภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีให้กับพี่น้องประชาชน เร่งคืนวิถีชีวิต เร่งคืนรอยยิ้มกลับมาบนผืนแผ่นดินไทยให้ได้โดยเร็ว” นายชนินทร์ กล่าว