Meta ควง Central Group ยิงโฆษณาโซเชียลแบบใหม่ ปฏิวัติ Omnichannel ดันยอดขายพุ่ง 5 เท่า
เมต้า (Meta) ต้นสังกัด Facebook และเซ็นทรัลกรุ๊ป (Central Group) ควงแขนร่วมมือใกล้ชิดลุยปฏิวัติวงการโฆษณาโซเชียลผ่าน "Omnichannel Ad Solutions" ซึ่งเป็นโซลูชันการตลาดดิจิทัลล้ำสมัยที่เพิ่งเปิดตัวในไตรมาสที่ 2 ของปี 2025 ด้าน Central เป็นตัวแทนหมู่บ้านส่งไทยขึ้นแท่น Early Adopter กลุ่มแรกของโลกที่นำโซลูชันนี้มาใช้จนดันยอดขายทั้งหน้าร้านออนไลน์ ออฟไลน์และ App เพิ่มขึ้น 4.9-5.9 เท่าตัว เผยเป็นกำลังสำคัญในการให้ฟีดแบ็กเพื่อพัฒนาโปรดักต์นี้ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
นางสาวแพร ดํารงค์มงคลกุล ผู้อำนวยการประจำประเทศ (Country Director) ของ Facebook ประเทศไทย กล่าวว่าแม้ Omnichannel Ad Solutions จะมีรูปแบบที่ใช้กันทั่วโลกและไม่ได้ปรับแต่งเฉพาะสำหรับ Central แต่ฟีดแบ็กจากธุรกิจทั่วโลกรวมถึง Central มีส่วนช่วยกำหนดทิศทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมของ Meta โดยประเทศไทยและ Central ถือเป็นผู้บุกเบิกและเป็นตัวอย่างที่สำคัญ และความร่วมมือกับ Central Group นั้นสะท้อนภาพความเป็นผู้นำด้านธุรกิจดิจิทัลของไทย
"ผลลัพธ์ที่เห็นจากโซลูชัน Omnichannel Ad Solutions คือ Central Group มียอดขายออฟไลน์เพิ่มขึ้น 5.9 เท่า และยอดขายรวมออนไลน์+ออฟไลน์เพิ่มขึ้น 5.4 เท่า ขณะที่ยอดซื้อผ่าน Central App เพิ่มขึ้น 4.9 เท่า โดยต้นทุนลดลง 15% ตัวเลขความคุ้มค่าของการลงทุนโฆษณาเพิ่มขึ้น 21% เพราะ turbocharge รายได้เพิ่มขึ้น"
สถิติยอดขายที่เพิ่มขึ้น 4-5 เท่าของ Central ถือเป็นสถิติที่สูงมากเมื่อเทียบกับห้างอื่นในกลุ่ม Early Adopter กลุ่มแรกของโลกที่นำโซลูชันนี้มาใช้ ตัวอย่างเข่น ห้างทาร์เก็ต (Target) ที่ทำสถิติยอดขายเพิ่มขึ้นเพียง 51% เท่านั้น
***พฤติกรรมเปลี่ยน โฆษณาต้องปรับ
ทั้ง Meta และ Central Group เห็นตรงกันว่าพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปสู่การเป็น "Omni Customer" ที่ใช้หลากหลายช่องทางในการค้นหาสินค้าและช้อปปิ้ง ทั้งออนไลน์ (เว็บไซต์, แอปพลิเคชัน, แชท) และออฟไลน์ (หน้าร้านจริง) ความท้าทายคือ ธุรกิจต้องการประสบการณ์ที่ "ไร้รอยต่อและเป็นหนึ่งเดียว" สำหรับลูกค้าในทุกช่องทาง หากลูกค้าพบประสบการณ์ที่ไม่สอดคล้องกัน เช่น ราคาออนไลน์กับหน้าร้านต่างกัน ลูกค้า 62% จะเริ่มไม่เชื่อใจแบรนด์ นอกจากนี้ ลูกค้า 73% ยังต้องการทราบสถานะสินค้าคงคลังแบบเรียลไทม์ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ด้วย
Omnichannel Ad Solutions จึงถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์เหล่านี้ หลักการทำงานของโซลูชันนี้พัฒนาบนเป้าหมายหลักในการเพิ่มประสิทธิภาพทางการตลาดและช่วยธุรกิจให้เติบโตทั้งออนไลน์และหน้าร้านด้วยพลังของ AI โดยจะบูรณาการข้อมูลการซื้อขายที่กระจัดกระจายด้วยการ "สร้างถนนข้อมูล" หรือที่เรียกว่า Conversion API ซึ่งเป็น server-to-server connection ที่รวบรวมข้อมูลจากแชท, เว็บไซต์, แอปพลิเคชัน, และจุดขายหน้าร้าน (Point of Sale หรือ POS) มาไว้ในที่เดียวอย่างปลอดภัย
"ธุรกิจสามารถเลือกได้ว่าจะส่งข้อมูลประเภทใด และข้อมูลที่ส่งจะต้องเข้ารหัสและเป็นไปตามข้อกำหนดด้านความเป็นส่วนตัว เช่น PDPA ในไทย, GDPR ในยุโรป สามารถวัดผลลัพธ์ของเงินลงทุนโฆษณาออนไลน์ที่ส่งผลไปถึงยอดขายหน้าร้านได้ด้วย ทำให้เห็น Total Impact หรือความคุ้มค่าของการลงทุนที่แท้จริง ไม่ใช่แค่ยอดขายออนไลน์เท่านั้น การวัดผลแบบนี้ยังช่วยให้เข้าใจผลกระทบที่เกิดในแต่ละ Touch Point ต่อภาพรวมยอดขาย"
Omnichannel Ad Solutions ยังเด่นที่การเพิ่มประสิทธิภาพด้วย AI ทำให้การยิงโฆษณาฉลาดขึ้น คุ้มค่าขึ้น โดยจะหาลูกค้าที่มีแนวโน้มจะซื้อมากที่สุด ไม่ว่าจะซื้อผ่านช่องทางไหน (ออนไลน์, แอป, ออฟไลน์) AI ยังสามารถช่วยในการจัดสรรงบประมาณ การปรับปรุงสื่อ และการคาดการณ์ความต้องการ ขณะเดียวกันก็รองรับประสบการณ์ช้อปปิ้งส่วนบุคคล ซึ่ง AI จะสามารถปรับแต่งโฆษณาให้ตรงใจผู้บริโภค ทั้งในมุมสินค้าที่ใช่ เวลาที่ใช่ และสถานที่ที่ใช่
โฆษณา Omnichannel Ad Solutions ที่ Central ประเดิมยิงไปแล้วนั้นสามารถไฮไลต์สาขาที่ใกล้เคียงกับลูกค้า และแสดงสินค้าพิเศษเฉพาะในบางสาขา สามารถให้ดีลข้อเสนอสำหรับแต่ละคนในรูปแบบที่ชัดเจน ซึ่งแพรย้ำว่าการให้ข้อเสนอที่ตรงใจทำให้ลูกค้า 78% ต้องการกลับมาซื้อซ้ำกับแบรนด์นั้น
***Central ลุย AI
นางสาวรวิศรา จิราธิวัฒน์ ประธานบริหารฝ่ายการตลาด กลุ่มห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ยอมรับว่าโซลูชันนี้เป็นตัวปลดล็อกที่ทำให้เข้าใจพฤติกรรมลูกค้าได้ดีขึ้นมาก และไม่ใช่แค่ประหยัดงบประมาณ แต่เป็นการขยายธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ มั่นใจว่าจะส่งแรงกระเพื่อมต่ออุตสาหกรรมค้าปลีกไทย
"Central ไม่ได้มองว่านี่คือความสำเร็จของตัวเองฝ่ายเดียว แต่เป็นโอกาสที่จะสร้าง Game Changer ให้กับอุตสาหกรรมค้าปลีกทั้งหมดในประเทศไทย เพราะการร่วมมือกันพัฒนาและนำ AI มาใช้ในการจัดสรรงบประมาณ การปรับปรุงสื่อ และการคาดการณ์ความต้องการ ก็จะเป็นประโยชน์ต่อพาร์ทเนอร์และซัพพลายเออร์อื่นๆ ด้วย"
ปัจจุบัน Central Group นั้นมีฐานลูกค้าในระบบสมาชิกกว่า 23 ล้านราย มีร้านค้ากว่า 76 สาขาทั่วประเทศไทย ประกอบด้วยห้างโรบินสัน (Robinson) 47 แห่งและ Central อีก 29 แห่ง สถิติล่าสุดชี้ว่ามีลูกค้าผู้ซื้อสินค้าผ่านระบบโซเชียลคอมเมิร์ซ ทั้งระบบทักแชตกว่า 2 แสนราย ยอดการเปิดชมสินค้าในเว็บไซต์และแอปพลิเคชันมากกว่า 100 ล้านครั้ง
ในมุมของการตลาดด้วยปัญญาประดิษฐ์ รวิศราเผยว่าปัจจุบัน Central ใช้ AI ในการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดสรรงบประมาณ การ Optimize สื่อ การคาดการณ์ความต้องการ (Demand Forecast) และในอนาคตจะมีการนำ AI มาใช้ในรูปแบบ Conversational AI เพื่อสื่อสารกับลูกค้า
สำหรับสภาวะเศรษฐกิจฝืดเคืองที่ต้องควบคุมงบประมาณ รวิศรามองว่าการตลาดแบบ Omnichannel ยิ่งมีความสำคัญ เพราะช่วยให้ทุกบาททุกสตางค์ที่ลงทุนไป เกิดประโยชน์สูงสุด และสามารถวัดผลได้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการสร้างการรับรู้ การพิจารณาสินค้า หรือการกระตุ้นยอดขาย ไปจนถึงการสร้างความภักดีของลูกค้าในระยะยาว
นายทัศก เทียมจรัส ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ด้าน Digital Marketing และ Social Commerce กลุ่มห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวถึงเหตุผลที่ทำให้ Central มียอดขายทำสถิติสูงมากเมื่อเทียบกับห้างอื่นในกลุ่ม Early Adopter กลุ่มแรกของโลกที่นำโซลูชัน Omnichannel Ad Solutions มาใช้งาน ว่าความสำเร็จมาจาก 3 ส่วน คือ Creative, AI และ Measurement Team ซึ่งทำให้เห็นผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น
"ยอดขายที่เพิ่มขึ้น วัดผลโดยเทียบกับช่วงก่อนหน้าที่ยังไม่ได้ใช้โซลูชัน โดยวัดจากในทุกช่องทางทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ และช่องทางรวม ปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดสถิตินี้มี 3 ส่วนคือความครีเอทีฟ ทำให้โฆษณาน่าสนใจ, เครื่องมือ AI ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและตัดสินใจเรื่องงบประมาณ และทีมงานที่ติดตามการวัดผลสม่ำเสมอ ซึ่งช่วยให้มีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง"
***ไม่ได้แพงขึ้น
นายเมธิศร์ มุกดาสิริ หัวหน้าฝ่ายลูกค้าอุตสาหกรรม (Head of Industry) ของ Facebook ประเทศไทย ชี้ว่าโซลูชันโฆษณา Omnichannel นี้เหมาะสำหรับ ธุรกิจค้าปลีกใดๆ ที่มีช่องทางออนไลน์และหน้าร้าน เช่น ไฮเปอร์มาร์เก็ต แฟชั่น ร้านอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ต และ Central ประสบความสำเร็จสูงเนื่องจากมี Segment ลูกค้าที่หลากหลายและมีสินค้าทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ดังนั้นค่าใช้จ่ายในการลงโฆษณา Omnichannel Ads จึงไม่ได้แพงกว่า แต่เป็นเรื่องของประสิทธิภาพ
"ระบบยิงแอดของ Meta ใช้ระบบประมูล (Auction System) ตามปกติ เพียงแต่ Omnichannel Ads จะ Optimize การส่งโฆษณาได้ฉลาดขึ้น ทำให้ได้ยอดขายมากขึ้นด้วยงบประมาณเท่าเดิม"
สำหรับกรณีของ Central นั้นมีการเชื่อมโยง Loyalty Program หรือระบบสมาชิก "เดอะวัน" (The 1) เข้ากับฐานข้อมูลของผู้ใช้ Meta เพื่อค้นหาสัญญาณหรือ Signal ของลูกค้าที่มีโอกาสซื้อที่สุด โดยโฆษณาที่ยิงไปจะแตกต่างกันไปสำหรับลูกค้าเก่า (Retargeting) และลูกค้าใหม่ (Acquisition) ซึ่งจะพิจารณาจากจุดประสงค์ของแคมเปญ
ในส่วนการวัดผลการซื้อที่หน้าร้าน เมธิศร์อธิบายว่าเมื่อลูกค้าเห็นโฆษณาออนไลน์แล้วไปซื้อที่หน้าร้าน ร้านค้าจะส่งข้อมูลทราสเซกชันที่มีอยู่แล้ว (ผ่าน POS หรือ CRM) ที่ผ่านกระบวนการความปลอดภัยแล้ว มาทาง Conversion API ส่งตรงมายัง Meta
"Meta จะนำข้อมูลนั้นมา Match กับผู้ที่เห็นโฆษณาและรายงานเป็น Conversion พร้อม Optimize ระบบต่อไป โดยระบบของ Meta จะนับ Conversion ภายใน 7 วันหลังจากการคลิกโฆษณา"
ที่สุดแล้ว ผู้บริโภคทุกคนจะต้องเตรียมใจพบกับการเปลี่ยนแปลงของโลกโฆษณาที่จะ "รู้ใจ" ยิ่งขึ้น ทุกโฆษณาที่เห็นจะถูกออกแบบมาให้ตรงกับความสนใจและพฤติกรรมการช้อปปิ้งของแต่ละคน ไม่ว่าจะเลือกชมสินค้าออนไลน์บนแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ หรือเดินเลือกซื้อที่หน้าร้านก็ตาม ก็จะได้สัมผัสประสบการณ์การช้อปปิ้งที่อาจเป็นผลมาจากเทคโนโลยี AI ที่ช่วยให้แบรนด์ต่างๆ เข้าใจเส้นทางการช้อปปิ้งที่หลากหลายได้ครบเครื่อง.
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO