แท็กซี่แฉโครงการ กระปุกบุญ วัดพระบาทน้ำพุ ตั้งบริจาคบนรถ แฉพฤติกรรมหัก 70:30
แท็กซี่แฉโครงการ กระปุกบุญ วัดพระบาทน้ำพุ ตั้งบริจาคบนรถ แฉพฤติกรรมหัก 70:30 ทำให้เป็นคำถามโชเฟอร์หักกันเอง หรือหลวงพ่อรู้ด้วยหรือไม่
วันที่ 18 ส.ค.68 รายการโหนกระแส ยังติดตามประเด็นร้อนเรื่องเงินบริจาคของ หลวงพ่ออลงกต วัดพระบาทน้ำพุ โดยเชิญ คุณเดี่ยว นายสุวรรณฉัตร พรหมชาติ คนขับแท็กซี่ ซึ่งเป็นผู้ที่ออกมาเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับ “โครงการกระปุกบุญ กล่องรับบริจาคเงินวัดพระบาทน้ำพุ” ที่อยู่ในรถแท็กซี่ พร้อมนั่งเล่าประสบการณ์ด้วยตนเอง
นายสุวรรณฉัตร เล่าว่า เคยร้องเรียนเรื่องนี้มาก่อนตั้งแต่กว่า 10 ปีก่อน แต่เรื่องเงียบหายไป กระทั่งมีข่าวการตรวจสอบเงินบริจาคของวัดพระบาทน้ำพุอีกครั้ง จึงตัดสินใจออกมาเปิดเผยข้อมูลใหม่ โดยตอนนั้นประธานโครงการกระปุกบุญ ชวนตนเข้าร่วมเป็นสมาชิก โดยให้ไปรับกล่องบริจาคที่สถานีวิทยุแห่งหนึ่ง แล้วนำไปวางไว้บนรถแท็กซี่ ไม่นานกล่องก็เต็มไปด้วยเงินอย่างรวดเร็ว ผู้โดยสารที่ขึ้นรถมักบริจาคครั้งละ 500–1,000 บาท
ต่อมาเมื่อถึงเวลานับเงิน มีการรวบรวมกล่องทั้งหมด 36 กล่อง ยอดรวมกว่า 100,000 บาท แต่ความจริงมีการกระจายกล่องไปมากกว่านั้นถึงกว่า 1,000 กล่อง หลังนับเงินเสร็จ ประธานโครงการให้สมาชิกโหวตเห็นชอบว่าจะหัก 30% ของเงินบริจาคไว้กับกลุ่มแท็กซี่ โดยอ้างเป็นคำสั่งจากหลวงพ่อ และใช้เป็นค่าใช้จ่ายของโครงการ เช่น ค่ากล่องและสติกเกอร์ แต่ตนไม่เห็นด้วย เพราะเงินนี้เป็นเงินทำบุญของประชาชน จึงตัดสินใจคืนกล่องไป
นายสุวรรณฉัตร เล่าว่า หลังจากนั้นประธานโครงการไปหาสมาชิกเพิ่มตามสถานีวิทยุอื่นๆ ทำให้มีคนขับแท็กซี่เข้าร่วมจำนวนมาก จนมีลักษณะเหมือนแชร์ลูกโซ่ และต่อมามีการพูดกันว่า ประธานโครงการนำเงินไปซื้อสวน ซื้อไร่ รวมถึงปล่อยกู้ให้สมาชิกแท็กซี่ด้วย แต่ตนไม่เคยเห็นชัดเจนว่า เงินที่รวบรวมได้ถูกนำไปถวายหลวงพ่อ เป็นการนำเงินสดไปให้หรือโอนเข้าบัญชีวัดจริงหรือไม่ อีกทั้งยอดเงินที่สถานีวิทยุประกาศออกอากาศ ก็ดูเหมือนจะเป็นยอดหลังหัก 30% ไปแล้วด้วย
นายสุวรรณฉัตร ระบุด้วยว่า กล่องบริจาคมีการติดโลโก้ของสถานีวิทยุ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำให้ดูน่าเชื่อถือ ประชาชนเลยบริจาคมากขึ้น จึงอยากให้ทั้งทางวัด หลวงพ่ออลงกต ประธานโครงการ รวมถึงสถานีวิทยุที่เกี่ยวข้อง ออกมาชี้แจงถึงความโปร่งใส เพราะที่ผ่านมาตนรู้สึกว่าเรื่องนี้ยังไม่เคยถูกอธิบายอย่างตรงไปตรงมา
เมื่อถามว่า คำอ้างที่ว่าหลวงพ่ออนุญาตให้หัก 30% นั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ นายสุวรรณฉัตร กล่าวว่า ตอนแรกตนคิดว่าเป็นแค่การอ้างชื่อ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เริ่มเห็นหลวงพ่อมีการขายของและทำกิจกรรมที่ดูคล้ายธุรกิจมากขึ้น เลยเริ่มลังเลว่าอาจจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ก็ได้ อีกทั้งกลุ่มแท็กซี่ที่เป็นสมาชิกโครงการมักรวมตัวกันเป็นทีม มีเสื้อกั๊กเหมือนเครื่องแบบ และมักไปปรากฏตัวตามที่หลวงพ่อไปบิณฑบาต คล้ายทำหน้าที่ประกบหรือดูแล
ขณะที่ทนายแก้ว สรุปประเด็นเรื่องกระปุกบุญแท็กซี่ว่า เรื่องนี้ต้องแยกให้ออกว่า ถ้าเรื่อง 70:30 เป็นจริง หลวงพ่อรู้หรือไม่ว่ามีการหัก 30% เอาไว้ ถ้าหลวงพ่อไม่รู้แล้วคนขับแท็กซี่ไปหักกันเอง ก็ผิดฐานยักยอกเงินวัด แต่ถ้าหลวงพ่อรู้ตั้งแต่แรก มันก็เข้าข่ายแบ่งหน้าที่กันทำ เข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน ส่วนโชเฟอร์แท็กซี่ที่ได้เงิน 30% ไป ไปกู้เงินจากเงินก้อนนี้ ถ้าเขาไม่รู้ ก็ถือว่าไม่มีความผิด แต่ถ้ารู้อยู่แล้ว และได้ประโยชน์จากเงินตรงนี้ ก็ถือว่า เป็นตัวการร่วมในการฉ้อโกง
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : แท็กซี่แฉโครงการ กระปุกบุญ วัดพระบาทน้ำพุ ตั้งบริจาคบนรถ แฉพฤติกรรมหัก 70:30
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.khaosod.co.th