PTT ลดพอร์ต…ตัดต้นทุน
ดูเหมือนตั้งแต่ “คงกระพัน อินทรแจ้ง” มานั่งซีอีโอคนใหม่ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT(รับตำแหน่ง 13 พ.ค. 2567) นโยบายของ ปตท.และบริษัทในเครือ มีการปรับเปลี่ยนไปไม่น้อยเลยทีเดียว…
ไฮไลต์อยู่ที่การปรับโครงสร้างเงินลงทุน จากเดิม ปตท.จำเป็นต้องหนีดิสรัปชั่นธุรกิจดั้งเดิม นำไปสู่ธุรกิจใหม่ หรือ New S-Curve อาทิ ธุรกิจอีวี ยา โลจิสติกส์ และหุ่นยนต์ แต่พักหลัง ๆ มานี้มีการทยอยลดพอร์ตอย่างต่อเนื่อง
ที่สร้างความฮือฮาคงหนีไม่พ้นกรณีบริษัทลูกอย่าง บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ประกาศลดพอร์ตธุรกิจ non-Oil หรือกลุ่มธุรกิจไลฟ์สไตล์ โดยยุติการทำธุรกิจร้านไก่ทอด Texas Chicken เมื่อช่วงกลางปีที่แล้ว เพื่อไม่ต้องแบกผลขาดทุนจาก Texas Chicken ปีละไม่ต่ำกว่าพันล้านบาทอีกต่อไป
ตามด้วย OR ถอนการลงทุนในบริษัท อิ่มทรัพย์โกลบอล คูซีน จำกัด ดำเนินธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่น ชื่อ Kouen, Ono Sushi และร้านอาหารแบรนด์อื่น ๆ ซึ่งเป็นธุรกิจที่ OR ถือหุ้นในสัดส่วน 25% ผ่านบริษัทย่อย บริษัท มอดูลัส เวนเจอร์ จำกัด เนื่องจากไม่สามารถทำกำไรได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
ในส่วนของตัวแม่ ปตท.มีทั้งปิดบริษัทที่ไม่ดำเนินกิจการและลดพอร์ตการลงทุน ไล่ตั้งแต่ไฟเขียวให้บริษัทลูกที่ชื่อ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด (INBA) ขายหุ้นในบริษัท Lotus Pharmaceutical Company Limited (Lotus) ซึ่งเป็นบริษัทยาชั้นนำระดับโลก จำนวนไม่เกิน 2% ผ่านตลาดหลักทรัพย์ไต้หวัน (Taiwan Stock Exchange Corporation : TWSE) โดยกำหนดระยะเวลาดำเนินการภายในเดือน ก.ค. 2569
แม้จะลดพอร์ตลงแล้ว แต่ ปตท.นั่งยันนอนยันว่า อินโนบิก (เอเซีย) ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน Lotus ที่สัดส่วนไม่ต่ำกว่า 36% อยู่นะ…
มาล่าสุดไฟเขียวให้บริษัทลูก บริษัท อรุณ พลัส โมบิลิตี้ โฮลดิ้ง จำกัด (AMH) ขายหุ้นทั้งหมดที่ถือในบริษัท นีโอ โมบิลิตี้ เอเชีย จำกัด (NMA) สัดส่วน 50.001% ให้แก่บริษัท เอ็มจีซี-เอเชีย กรีนเทค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGC คิดเป็นมูลค่า 83 ล้านบาท
ถ้าไปย้อนดูข่าวสาร จะพบว่า “นีโอ โมบิลิตี้ เอเชีย” เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง ปตท.และ MGC ที่จัดตั้งเมื่อวันที่ 4 มี.ค. 2567 มีทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท เพื่อดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้า ครอบคลุมบริการครบวงจร
แต่มาวันนี้ ปตท.ประกาศไม่เอา EV แล้ว…สงสัยคงมองว่า EV ไม่ปังอย่างที่คิด หรือไม่ใช่ทางของตัวเองละมั้ง เลยถอยดีกว่า…ไม่เอาดีกว่า
แล้วถ้าไปส่องงบ “นีโอ โมบิลิตี้ เอเชีย”จะไม่แปลกใจเลยว่าทำไม ปตท.ถึงขายทิ้ง เพราะงบงวดปี 2567 มีรายได้รวมแค่ 161,229 บาท และมีตัวเลขขาดทุนสุทธิปาไป 908,590 บาท
กลับมาที่ PTTก็เป็นการเดินเกมลดพอร์ต…ตัดต้นทุนขายสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักและไม่ทำกำไรออกไปแหละ…
ซึ่งถ้าไปสแกนดูในพอร์ต ปตท.และบริษัทในเครือ น่าจะมีอีกหลายตัวนะที่อยู่ในข่ายจะต้องโละทิ้งไปตามนโยบายของ “คงกระพัน”…
ว่าไปแล้วก็เหมือนการตัดกิ่งไม้ที่ไม่สมประกอบ ไม่แข็งแรงออกไป เพื่อให้ต้นไม้เจริญเติบโตงอกงามต่อไป ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดแผกอะไร…เป็นการปรับเพื่อโต อันนี้เข้าใจได้
แต่ดูอีกทีก็เหมือน “คงกระพัน” มาเพื่อภารกิจปัดกวาดล้างบ้าน PTT เลยนะเนี่ย…
…อิ อิ อิ…