"ราชาวิตามินซี" แห่งโลกผักผลไม้ มีปริมาณมากกว่าส้มถึง 4 เท่า เผยชื่อใครก็เซอร์ไพรส์!!!
“พริกหวาน” คือราชาวิตามินซี! มีปริมาณมากกว่าส้มเกือบ 4 เท่า เป็นพระเอกด้านโภชนาการที่ถูกมองข้าม แล้วต้องกินยังไงให้ได้ประโยชน์สูงสุด?
เมื่อพูดถึงวิตามินซี หลายคนมักนึกถึงส้ม มะนาว หรือฝรั่ง เป็นอันดับต้นๆ แต่ผลการวิจัยกลับชี้ให้เห็นว่ามีผักชนิดหนึ่งที่ถูกมองข้ามมายาวนาน ทั้งที่มีปริมาณวิตามินซีสูงกว่าส้มถึงเกือบ 4 เท่า และสูงกว่ามะเขือเทศสดถึง 10 เท่า จนได้รับการขนานนามว่า"ราชาแห่งวิตามินซี" โดยแท้จริงแล้ว ผักชนิดนี้คือ“พริกหวาน” หรือที่รู้จักกันว่า “พริกหยวก” หรือ “พริกหยวกหวาน”
แม้พริกหวานจะมักปรากฏบนจานอาหารในฐานะ "ตัวประกอบ" เพื่อเพิ่มสีสันสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นในผัดหรือสลัด แต่ความจริงแล้ว พริกหวานนี่แหละคือแหล่งสารอาหารชั้นยอด โดยเฉพาะวิตามินซี ข้อมูลจาก “ตารางโภชนาการอาหารจีน” ระบุว่า พริกหวานสีเขียวมีวิตามินซีสูงถึง 130 มก./100 กรัม เทียบกับส้มที่มีเพียง 33 มก./100 กรัม และมะนาวที่มีแค่ 22 มก./100 กรัม นั่นหมายความว่าพริกหวานมีวิตามินซีมากกว่าส้มเกือบ 4 เท่า และมากกว่ามะนาวเกือบ 6 เท่า เลยทีเดียว อีกทั้งยังมากกว่ามะเขือเทศสดถึงเกือบ 10 เท่า
ไม่เพียงเท่านั้น แต่พริกหวานยังมีดีมากกว่าวิตามินซี สารสำคัญที่ดีต่อสุขภาพมากมาย ในพริกหวานสีแดง เหลือง ส้ม ซึ่งเป็นพริกที่สุกเต็มที่ ยังมีปริมาณวิตามินซีมากกว่าพริกเขียว และมีสารอาหารที่ช่วยบำรุงสายตาและหัวใจ เช่น แคโรทีนอยด์ (Carotenoids) และโพแทสเซียม มากขึ้นตามลำดับด้วยเช่นเดียวกัน
แคโรทีนอยด์ (Carotenoids): ช่วยบำรุงดวงตา ป้องกันการเสื่อมของจอประสาทตา
พริกเขียว: 134 ไมโครกรัม/100 กรัม
พริกเหลือง: 196 ไมโครกรัม/100 กรัม
พริกแดง: สูงถึง 367 ไมโครกรัม/100 กรัม
โพแทสเซียม (Potassium):
ช่วยควบคุมความดันโลหิตและการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจ
พริกแดงมีโพแทสเซียมสูงสุดที่ 213 มก./100 กรัม
พลังงานต่ำ – เหมาะกับผู้ควบคุมน้ำหนัก: ค่าดัชนีน้ำตาล (GI) ต่ำเพียง 15 และมีคาร์โบไฮเดรตต่ำ (ไม่เกิน 7%)
พริกหวานสีเขียวมี 18 kcal/100 กรัม
สีเหลืองและแดงมี 30 kcal/100 กรัม
ทำไมพริกหวานไม่เผ็ด? แม้พริกหวานจะเป็นญาติของพริกรสเผ็ดที่เราคุ้นเคย แต่ไม่ให้ความรู้สึกเผ็ดเพราะแทบไม่มีกัปไซซิน (Capsaicin) ซึ่งเป็นสารให้ความเผ็ด แต่กลับมีสาร แคปซิเอต (Capsiate) ซึ่งโครงสร้างคล้ายกัปไซซินแต่ไม่กระตุ้นเยื่อบุช่องปาก
แต่แม้ไม่เผ็ด แคปซิเอตก็ยังคงมีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการเผาผลาญไขมัน ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และเพิ่มความทนทานต่อการออกกำลังกายได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม แคปซิเอตไม่ใช่ยาลดน้ำหนักโดยตรง แต่มีคุณสมบัติเสริมเท่านั้น
ทั้งนี้ เพื่อให้ได้ประโยชน์เต็มที่จากพริกหวาน ควรมีเทคนิคเลือก-กิน-เก็บพริกหวานอย่างถูกวิธี ดังนี้
วิธีเลือกพริกหวานที่ดี
สีสด: ไม่มีจุดดำหรือรอยย่น
ขั้วเขียวสด: ไม่แห้งหรือเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล
เนื้อแน่น: บีบแล้วเด้ง ไม่นิ่ม
ไม่มีกลิ่นหมัก: ควรมีกลิ่นหอมธรรมชาติ
น้ำหนักดี: ยิ่งหนัก ยิ่งมีน้ำมาก สดใหม่กว่า
วิธีกินให้ได้วิตามินซีสูงสุด
กินสด ดีที่สุดสำหรับการรักษาวิตามินซี
ผัดไฟแรงเวลาสั้น: ลดการสูญเสียวิตามิน
ใส่น้ำมันเล็กน้อย: ช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคโรทีนอยด์ได้ดีขึ้น
หลีกเลี่ยงการปรุงด้วยความร้อนนาน เพราะวิตามินซีไวต่อความร้อน
ส่วนการเก็บรักษานั้น อุณหภูมิที่เหมาะสมคือ 9 – 12 องศาเซลเซียส ไม่ควรแช่เย็นทันที เพราะพริกหวานไวต่อความเย็น อาจเกิดรอยดำหรือช้ำ แต่หากต้องเก็บนานๆ ให้ลวกพริกในน้ำร้อน 35–55 องศาเซลเซียส นาน 5 นาที แล้วค่อยนำไปแช่แข็ง
พริกหวานไม่ใช่แค่ผักเพิ่มสีสันในจาน แต่คือ “ราชาแห่งวิตามินซี” ที่ถูกมองข้ามมานาน ด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่สูงแต่พลังงานต่ำ เหมาะทั้งคนรักสุขภาพ ผู้ควบคุมน้ำหนัก และผู้ที่ต้องการเสริมภูมิคุ้มกัน หากคุณยังไม่เคยให้ความสำคัญกับพริกหวานมาก่อน อาจถึงเวลาที่ต้องเริ่มใส่มันลงในเมนูประจำวันของคุณแล้ว!