'ปลาหมอคางดำ' ความจริงที่หายไป ไม่มีข้อมูล ไม่จ่ายเงินชดเชย'
สถานการณ์ปลาหมอคางดำที่ยังค้างคา คือ การเรียกร้องค่าชดเชยของเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ การเสวนาวิชาการราชบัณฑิตยสัญจรได้เปิดเผยข้อเท็จจริงสำคัญที่สังคมไทยไม่เคยมองในประเด็นเหล่านี้ทั้งที่เป็นเรื่องสำคัญในการพิสูจน์ความจริง คือ การขาดข้อมูลพื้นฐาน (Baseline Data) และ การขาดหลักฐานทางรายได้และการเสียภาษี ซึ่งเป็นหัวใจของการพิสูจน์ความเสียหายและการจ่ายชดเชยอย่างเป็นธรรม
วันนี้ ประเทศไทยยังไม่มีข้อมูลสำคัญในการเปรียบเทียบก่อนและหลังการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ เช่น ข้อมูลประชากรสัตว์น้ำพื้นถิ่นก่อนการระบาด, ความหลากหลายทางชีวภาพ, สภาพแวดล้อมทางน้ำ หรือผลกระทบต่อระบบนิเวศ ข้อมูลเหล่านี้คือ “หลักฐาน” ที่จำเป็นในการชี้ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น และใครควรรับผิดชอบ หากไม่มีข้อมูลพื้นฐาน ก็ไม่มีจุดเปรียบเทียบ ไม่มีความจริง และไม่มีความยุติธรรม
เมื่อไม่มี baseline ที่ชัดเจน การจะอ้างว่า “ปลาหมอคางดำคือผู้ร้าย” ก็ยังคงเป็นข้อกล่าวหาที่ไม่มีหลักฐานรองรับอย่างสมบูรณ์ ทั้งยังไม่สามารถสืบย้อนกลับไปพิสูจน์ว่า การแพร่ระบาดเกิดจากการกระทำของบุคคลหรือบริษัทใดได้อย่างแน่ชัด เพราะไม่มีจุดเปรียบเทียบก่อนการระบาด
การจัดทำ Baseline Data อย่างเร่งด่วน ด้วยเทคโนโลยี eDNA และการเก็บข้อมูลพื้นที่วิกฤต เพื่อสร้างฐานข้อมูลที่แม่นยำสำหรับการตัดสินใจในอนาคต ตลอดจนสร้างระบบชดเชยบนฐานข้อมูลจริง โดยอ้างอิงข้อมูลจากกรมสรรพากรและต้นทุนการผลิตที่บันทึกไว้อย่างเป็นระบบ ซึ่งจะทำให้การพิจารณาคดีเกิดความโปร่งใสและความยุติธรรมกับทุกฝ่ายสูงสุด ซึ่งกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้เริ่มดำเนินการเก็บข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำในหลายพื้นที่อย่างละเอียดไว้เป็นตัวอย่างเปรียบเทียบ
ดร.วรัณทัต ดุลยพฤกษ์ อาจารย์ประจำคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และผู้เชี่ยวชาญการประเมินผลกระทบทางน้ำ ย้ำว่า สิ่งสำคัญของการเรียกร้องค่าชดเชยจากภาครัฐ คือข้อมูลต้องตั้งอยู่บนหลักฐานที่ตรวจสอบได้ ไม่ใช่ความรู้สึกหรือความสงสาร เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากปลาหมอคางดำใน 19 จังหวัด ต้องมีเอกสารรายได้ย้อนหลังจากกรมสรรพากร เพื่อพิสูจน์ว่าได้รับผลกระทบจริง และเสียภาษีอย่างถูกต้องตามกฎหมาย หากไม่มีเอกสารเหล่านี้ การจ่ายชดเชยจะกลายเป็นการบิดเบือนระบบเศรษฐกิจ และไม่เป็นธรรมต่อผู้เสียภาษีรายอื่น
สิ่งสำคัญในการแก้ปัญหา คือ การสร้างกลไกติดตามผลระยะยาวที่เป็นระบบและรัดกุม โปร่งใส ตรวจสอบได้ และตั้งอยู่บนหลักวิชาการ ใช้ “ข้อมูล” เป็นเครื่องมือในการตัดสินใจ เพื่อหยุด “การขอแบบไม่มีที่มาที่ไป” สร้างความยุติธรรมที่แท้จริงให้กับทุกฝ่าย เพราะหากไม่มีข้อมูลพื้นฐานก็ไม่สามารถชี้คนผิดได้ และหากขาดเอกสารรายได้ยังจำเป็นต้องชดเชยหรือไม่ อะไรจะเป็นเครื่องมือพิสูจน์ความเสียหาย
การจัดการปลาหมอคางดำกับปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่ขณะนี้ คือ การจับปลาให้มากที่สุด ให้ปลาลดจำนวนลงอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนปลาที่จับได้ต้องนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ปล่อยปลาผู้ล่าเพื่อควบคุมปริมาณปลาให้อยู่ในพื้นที่จำกัด รวมถึงการนำเทคโนโลยี eDNA (Environmental DNA) มาใช้เพื่อเก็บข้อมูลและรับทราบความหนาแน่นของปลาในแต่ละพื้นที่อย่างแม่นยำ ซึ่งจะมีผลในการกำจัดปลาหมอคางดำอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน