โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

จับตากฤษฎีกา สอบคุณสมบัติ "ประธานกสทช." หลังผู้ตรวจฯพบพิรุจที่สำนักเลขานายกฯ หวั่นโดนอ้างปัญหาทางเทคนิคกม.ซ้ำอีก

สยามรัฐ

อัพเดต 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วันที่ 4 สิงหาคม 2568 แหล่งคณะกรรมการกฤษฎีกาคณะที่หนึ่งซึ่งมีนายมีชัย ฤชุพันธ์ เป็นประธาน มีกำหนดจะพิจารณาข้อหารือจากสำนักผู้ตรวจการแผ่นดินในกรณีการขาดคุณสมบัติของ ประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในวันพรุ่งนี้ (5 สิงหาคม 2568) เป็นที่น่าสนใจว่า ทางคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิทางกฎหมายระดับประเทศจะวินิจฉัยอย่างไร

แม้จะมีการสรุปประเด็นว่า ประธาน กสทช.ขาดคุณสมบัติตามกฎหมายไปโดยสิ้นสงสัยแล้ว ทั้งโดยคณะกรรมาธิการของทั้ง สว. และ สส. แต่มหากาพย์การดำเนินการเรื่องนี้ยังไม่จบ ประธานกสทช.ยังดำรงตำแหน่งต่อไป แม้จะมีองค์กรฯ สมาคมฯ ต่างๆ ได้ทักท้วงหลายครั้ง เรื่อง ความเสียหายที่เกิดขั้นจากการอนุมัติต่างๆ ของ ประธาน กสทช. ท่ามกลางความคลางแคลงใจของหลายๆ ฝ่าย

ล่าสุด ทางสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้ขอให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาให้ความเห็นในประเด็นปัญหาข้อกฎหมาย หลังจากได้ทำหนังสือถามไปที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เนื่องจากนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาการณ์ตามกฎหมายกสทช. และเป็นผู้ดำเนินการขอโปรดเกล้าฯแต่งตั้งกสทช.ทั้งชุด แต่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีกลับส่งเรื่องไปให้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นผู้พิจารณา ซึ่งจะนำเข้าในคณะที่หนึ่งในวันพรุ่งนี้

ประเด็นการขาดคุณสมบัติของประธานกสทช. เริ่มจากการร้องเรียนของผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ภูมิศิษฐ์ มหาเวสน์ศิริ รองเลขาธิการคณะกรรมการ กิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ต่อ ประธานวุฒิสภา ในวันที่ 28 กันยายน 2566 ซึ่งทางเลขาวุฒิสภาและประธานวุฒิสภาในขณะนั้นคือ ศาสตราจารย์พิเศษพรเพชร วิชิตชลชัย ได้มอบหมายให้คณะกรรมาธิการเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม วุฒิสภา (กมธ.ไอซีที วุฒิสภาฯ) เป็นผู้พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง ซึ่งทางคณะกรรมาธิการไอซีทีก็ได้มีการสรุปผลการสอบหาข้อเท็จจริง และรายงานผลต่อประธานวุฒิสภา ผลการพิจารณาการ ตรวจสอบฯ ดังกล่าว โดยได้มีการนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา ครั้งที่ 16/2567 เมื่อ 5 กรกฎาคม 2567 สรุปว่า “ศาสตราจารย์ คลินิก นายแพทย์สรณฯ มีลักษณะเป็นผู้ที่ขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้าม ตามกฎหมาย ตาม พระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ มาตรา 7 ข (12) มาตรา 4 และมาตรา 26 ประกอบกับ มาตรา 18 และมาตรา 20”

หลังจากวุฒิสภาชุดที่แล้วหมดอายุไปเดือนกรกฎาคม 2567 ทางคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีนายรังสิมันต์ โรม เป็นประธานได้นำประเด็นดังกล่าวขึ้นมาพิจารณา และมีตัวแทนจากทางคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานเลขาวุฒิสภา ตลอดจน สำนักงาน กสทช.เข้าร่วมให้ข้อมูลด้วย ซึ่ง สส.โรมได้สรุปในที่ประชุมแล้วว่า ในสาระสำคัญของการขาดคุณสมบัติของประธาน กสทช.นั้นสมบูรณ์ไร้ข้อสงสัยไปแล้ว เหลือเพียงการดำเนินการตามกระบวนการให้เป็นไปตามกฎหมายเท่านั้น แม้ในกฎหมายได้ชี้ว่า นายกรัฐมนตรี ควรต้องเป็นผู้ดำเนินการ

ทั้งนี้ สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินมีข้อหารือต่อคณะกรรมการกฤษฎีกา ดังนี้

1. ประธาน กสทช. หรือกรรมการ กสทช. เป็นผู้ขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้าม ตามมาตรา 20(4)(5) ภายหลังโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งแล้ว บุคคล ดังต่อไปนี้ ได้แก่ นายกรัฐมนตรี ประธานวุฒิสภา หรือสานักงาน กสทช. จะเป็นผู้ดำเนินการ กระบวนการตรวจสอบคุณสมบัติ หรือลักษณะ ต้องห้าม รวมไปถึงการวินิจฉัยกรณี ประธาน กสทช.หรือกรรมการ กสทช. เป็นผู้ขาดสมบัติหรือรักษาต้องห้ามได้ และแจ้งผลให้นายกรัฐมนตรี ดำเนินการนำความกราบบังคมทูล เพื่อทรงมีพระบรมราชโองการให้พ้นจากตำแหน่ง

2. ตามกรณี 1. หากวุฒิสภา เป็นผู้ดำเนินการ กระบวนการตรวจสอบคุณลักษณะ หรือเนื้อหาต้องห้าม รวมทั้งวินิจฉัยว่า ประธาน กสทช. หรือกรรมการ กสทช. เป็นบุคคลที่มี การขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้าม บุคคล ดังต่อไปนี้ ได้แก่ กรรมการ สรรหา หรือกรรมาธิการที่วุฒิสภา มอบหมาย ผู้ใดจะเป็นผู้ดาเนินการตรวจสอบและวินิจฉัย การขาดคุณสมบัติ หรือการมีลักษณะต้องห้าม หรือการดาเนินการฝ่าฝืนดังกล่าว

3. กรณี ตามมาตรา 20 วรรคท้าย มีหนังสือแจ้งให้สานักงานเลขาธิการวุฒิสภา และดำเนินการจัดให้มีการเลือกกรรมการแทนตำแหน่งที่ว่างภายใน 15 วันนับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งนั้น เป็นกระบวนการภายหลังจากนายกรัฐมนตรีนาความกราบบังคมทูลเพื่อมีพระบรมราชโองการให้พ้นจากตำแหน่งประธาน คสช หรือกรรมการ กสทช. หรือไม่ หรือเป็นขั้นตอนกระบวนการเริ่มต้นในการตรวจสอบคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้าม หรือกระทาการอันเป็นการฝ่าฝืนโดยไม่แจ้งให้สำนักงานเลขาวุฒิสภาทราบ เพื่อดาเนินการตามพระราช 20 วรรค 2 และวรรคท้ายควบคู่กันไปหรือไม่ประการใด

สื่อและสาธารณชนจึงต้องจับตาดูต่อไปว่าทางคณะกรรมการกฤษฎีกาจะมีคำวินิจฉัยในกรณีดังกล่าวไปในทิศทางใด จะมีการอ้างข้อจำกัดจากความไม่ชัดเจนของกฎหมายเพื่อยื้อเวลาอีกหรือไม่ หรือ จะให้แนวทางที่สามารถแก้ไขปัญหาที่ค้างคามาเกือบ 2 ปีได้เพื่อสร้างบรรทัดฐานที่ดีในองค์กรอิสระ และหน่วยงานภาครัฐต่อไป

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก สยามรัฐ

อบจ.เพชรบูรณ์สนับสนุนเครื่องจักรขุดลอกคลองศาลาแก้ปัญหาผักตบชวา

18 นาทีที่แล้ว

อบจ.เพชรบูรณ์ชวนเที่ยวงาน “อินทผลัมเพชรบูรณ์ แอนด์ บอลลูนเฟสติวัล 2025”

21 นาทีที่แล้ว

นายก อบจ.เพชรบูรณ์ร่วมประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์สมัยประชุมสามัญ สมัยที่ 2

24 นาทีที่แล้ว

ศึกลูกหนังขาสั้น "กรมพลศึกษา เดลินิวส์ คัพ 2025" "อสช ศรีราชา" ฟอร์มสด อัด "กีฬาเทศบาลนครนครสวรรค์" ขาดลอย 3-0

36 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไอที ธุรกิจอื่น ๆ

"บางกอกแอร์เวย์ส" เปิดตัวรองเท้าผ้าใบคอลเลกชันพิเศษ “Bangkok Airways X PUMA” พลิกโฉมยูนิฟอร์มพนักงานบริการส่วนหน้า

สยามรัฐ

''CEOเดอะเวย์ฯ'' ร่วมบรรยาย "การสื่อสารภาวะวิกฤติของภาคเอกชนขนาดใหญ่" ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล

สยามรัฐ

ธอส. ลงพื้นที่มอบเครื่องอุปโภคบริโภค และสิ่งของจำเป็น ให้ทหารในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา

สยามรัฐ

ETDA นำทีมกำกับดูแลกฎหมาย DPS เปิดเวที "แพลตฟอร์มดิจิทัล" แจ้งข้อมูลประกอบธุรกิจ แบบ One-On-One ครั้งแรก

สยามรัฐ

ไปรษณีย์ไทยส่ง “พี่ไปรฯ” ปักหมุดร้านเด็ดผ่าน “เหวย ไท่ กว๋อ” ดึงนักท่องเที่ยวจีน ตามรอยรสชาติท้องถิ่นใน 22 จังหวัด

สยามรัฐ

PTG สานต่อโครงการ “พีที ค่ายอาสาทำจริงไม่ทิ้งกัน” ส่งเสริมคุณภาพชีวิต เพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน

สยามรัฐ

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...