โฆษก กต. สรุป 9 ประเด็น เหตุปะทะชายเเดน ไทย-กัมพูชา
แถลงการณ์ชี้แจงเกี่ยวกับ เหตุปะทะบริเวณชยแดนไทย-กัมพูชา….
วันนี้(4 ส.ค.68) เพจเฟซบุ๊ก กระทรวงการต่างประเทศ ได้ออกมาแถลงการณ์บรรยายสรุปแก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมี นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ถ่ายทอด โดยระบุว่า…
วัตถุประสงค์ในการบรรยายสรุปในครั้งนี้ก็เพื่อชี้แจงการดำเนินการและท่าทีของไทยต่อสถานการณ์ดังกล่าว หลังจากที่ประเทศกัมพูชาเปิดฉากโจมตีประเทศไทยก่อน ตั้งแต่เมื่อวันที่ 24 ก.ค.68 และได้ตกลงกฎการหยุดยิง ณ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 28 ก.ค.68 ที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากนั้นก็ยังพบการละเมิดการหยุดยิงของฝั่งกัมพูชาในพื้นที่ของประเทศไทยอยู่เรื่อยมา ในขณะเดียวกันฝั่งกัมพูชาได้มีการละเมิดข้อตกลงอนุสัญญาอีกหลายฉบับ โดยประเด็นทั้งหมดที่จะมีการสรุปวันนี้มีทั้งหมด 9 ประเด็น ดังนี้
1.ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความรับผิดชอบต่อประชาคมระหว่างประเทศ เรายึดมั่นในสันติภาพ กฎหมายระหว่างประเทศ และมุ่งมั่นที่จะสานสันพันธ์กับกัมพูชาในฐานะเพื่อนบ้านที่ดี แต่คงเป็นไปได้ยากเนื่องจากว่าฝั่งกัมพูชาดำเนินการยั่วยุไทยหลายครั้ง อีกทั้งยังเป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตีไทยและละเมิดกฎระหว่างประเทศ
2.ฝ่ายไทยมีหลักฐานชัดเจนที่บ่งบอกว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มต้นโจมตีไทยก่อนอย่างไม่เลือกเป้าหมาย ส่งผลให้พื้นที่ของพลเรือนได้รับความเสียหาย อีกทั้งยังทำให้พลเรือนต้องเสียชีวิต และชาวบ้านนับแสนคนต้องอพยพไปอยู่ที่ศูนย์พักพิง
3.การตอบโต้ไทยทุกครั้งเป็นการใช้สิทธิ์ในการป้องกันตัวเองโดยชอบธรรมเพื่อปกป้องอธิปไตย และการปฏิบัติการทหารของไทยมีการไต่ตรองมาดีแล้ว มีการตอบโต้อย่างได้สัดส่วนตั้งอยู่บนหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และไทยมุ่งเป้าไปที่เป้าหมายของทหารของกัมพูชาเท่านั้น
4.การโจมตีไม่เลือกเป้าหมายของกัมพูชา ถือเป็นการรุกรานอย่างชัดเจนและเป็นการละเมิดกฏหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง โดยเฉพาะอนุสัญญาเจนิวา ฉบับที่ 1 และฉบับที่ 4 และสัญญาต่างๆ และล่าสุดที่มีการลอบวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่กัมพูชา ได้ละเมิดสัญญาออตตาวา ซึ่งไทยขอประนามอย่างรุนแรง
5.ไทยปฏิเสธข้อกล่าวหาของกัมพูชา ที่ไม่มีหลักฐานหรือข้อมูลรองรับในทุกเวทีและในทุกประเด็น เช่นที่บอกว่ากองทัพไทยรุนรานสร้างความเสียหายแก่ปราสาทเขาพระวิหาร และข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการคุกคามแรงงานกัมพูชาในประเทศไทย ซึ่งฝ่ายไทยได้ส่งหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงแล้ว
6.ประเทศไทยชื่นชมบทบาทของมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียนที่ช่วยจัดการประชุมให้ได้มีการพูดคุยและทำข้อตกลงบหยุดยิงของ 2 ประเทศ และขอบคุณสหรัฐและจีนที่สนับสนุนให้การหยุดยิงเกิดขึ้น แต่ฝั่งกัมพูชายังมีการละเมิดการหยุดยิงต่อเนื่อง ฝั่งไทยจึงได้มีการเรียกร้องให้กัมพูชากลับมาทำตามข้อตกลงให้ครบถ้วน
7. ฝ่ายไทยยังมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี โดยไทยตั้งใจจะเข้าร่วมการประชุม GBC ตั้งแต่วันนี้ ยาวจนถึง 7 ส.ค.68 ที่ประเทศมาเลเซีย เพื่อต้องการให้ใช้ข้อกำหนดหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยก่อนหน้านี้ฝ่ายไทยได้มีการจัดประชุมกันมาก่อน 3 ครั้ง โดยมาเลเซีย สหรัฐ และจีน ได้เชิญร่วมสังเกตการณ์เฉพาะในการประชุมในวันที่ 7 ส.ค.68 ที่กำลังจะถึงนี้
8.การประชุม JBC ไทยจะเป็นเจ้าภาพในการประชุมในเดือน ก.ย. โดยหวังว่ากัมพูชาจะเข้าประชุมด้วยความจริงใจเพื่อหาทางออกร่วมกัน
9.ฝ่ายไทยขอเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชา ยุติการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารซึ่งมีแทบจะเป็นรายวันและกลับกลายเป็นเรื่องปกติ อย่างล่าสุด เขากล่าวหาว่าไทยกำลังอพยพคนออกจากสุรินทร์เมื่อคืนนี้เอง เพื่อเตรียมการโจมตีกัมพูชาก่อนการประชุม GBC อันนี้ก็ไม่เป็นความจริงอีกเช่นกัน
ท้ายสุดแล้ว โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ย้ำว่า สิ่งที่ไทยพูด ไม่มีการบิดเบือนข้อมูล เป็นการถ่ายทอดความจริงทุกอย่าง หน่วยงานต่างๆ ในระดับสากลสามารถตรวจสอบได้ ซึ่งเป็นเรื่องดีที่ประชาคมโลกจะได้ทราบข้อเท็จจริงถึงการปฏิบัติของไทย ทั้งนี้ในส่วนของกลิ่นเหม็นเน่าบริเวณชายแดน(ฝั่งกัมพูชา) ที่มีออกมาตามกระแสโซเชียล โดยได้ให้ข้อมูลอย่างหนักแน่นว่า “การที่ฝั่งกัมพูชาทิ้งศพทหารแนวหน้าให้ตายแบบตามยถากรรมเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน และไม่มีประเทศไหนที่เขาทำแบบนี้ ที่ปล่อยให้ร่างของผู้เสียชีวิตที่ออกมาสู้รบเพื่อประเทศของตนนอนอยู่กับดินแบบนั้น”
แต่ตอนนี้มีเรื่องที่ด่วนกว่านั้นคือ การทำให้ฝ่ายกัมพูชาเคารพในตัวเอง เคารพในข้อตกลงหยุดยิง เลิกยุยงปั่นข้อมูลข่าวสารที่เป็นข้อมูลผิด สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ไม่ใช่ความจริงใจ ไม่ใช่ความตั้งใจจริงของประเทศเพื่อนบ้านที่พึงจะกระทำ ถ้าบอกว่าอยากหยุดการสู้รบอยากมีการยุติ ความขัดแย้งจริงก็ควรหยุดทำเรื่องพวกนั้น
เราก็ต้องตามสถานการณ์กันต่อไปนะคะ และคิดว่าประเทศกัมพูชาจะรู้ตัวเองและทำให้มันถูกต้องสักทีค่ะ
ที่มา: เพจเฟซบุ๊ก กระทรวงการต่างประเทศ https://www.facebook.com/share/v/19aqcENJun/