"สุชาติ"รมต.ประจำสำนักนายกฯ เข้ากราบ 2 พระผู้ใหญ่ หาแนวทางแก้ไขปัญหาวงการสงฆ์
(14ก.ค.68) นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน หลังเข้ากราบนมัสการสมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม เจ้าคณะหนใหญ่ตะวันออก และสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (ธงชัย ธมฺมธโช) เจ้าคณะใหญ่หนกลาง กรรมการมหาเถรสมาคม ผู้ช่วนเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม เพื่อรับแนวทางปฏิบัติในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ หรือ พศ.
นายสุชาติ ได้เข้ารับแนวทางกับสมเด็จพระพุฒาจารย์นานกว่า 30 นาที ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า เรื่องสงฆ์ที่เกิดปัญหาอยู่ในขณะนี้เป็นเรื่องที่มหาเถรสมาคม ได้มีการประชุมตั้งแต่เมื่อวาน เป็นเรื่องเร่งด่วนฉุกเฉิน เพื่อที่จะแก้ไขปัญหา และมอบหมายให้ตำรวจที่ไปดำเนินการจับกุม อย่างน้อยต้องรายงานไปที่เจ้าคณะหนหรือพระผู้ใหญ่ เพื่อดำเนินการเอาผิดกับพระที่ปฏิบัติมิชอบ โดยเฉพาะวันนี้ ก็มาฝากท่านว่าความจริงแล้วที่ตำรวจไปทำอาจจะไม่รู้ลึกซึ้งเท่ากับที่สำนักพุทธฯ ดังนั้นต้องการให้ พศ. บูรณาการไปกับตำรวจด้วย จะไปจับตรงไหนก็แล้วแต่ขอข้อมูลไปให้ พศ.ไปด้วย
"เอาข้อมูลมาให้พระผู้ใหญ่ที่เป็นผู้บังคับบัญชาหรือเป็นเจ้าคณะหน เพื่อที่ท่านจะให้ท่านดำเนินการต่อไป ซึ่งท่านก็ได้สั่งการไปส่วนหนึ่งแล้ว โดยสิ่งหนึ่งที่เราอยากให้บูรณาการกับสำนักพุทธด้วย เราต้องแก้ไขโดยมหาเถรสมาคม ร่วมกับ พศ. จะออกกฎระเบียบ ประกาศกระทรวงต่าง ๆ" นายสุชาติ กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าพระสมเด็จท่านได้แจ้งหรือไม่ว่าได้ส่งหนังสือถึงพระที่หายตัวไปหรือไม่ นายสุชาติกล่าวว่า ก็เห็นสมเด็จท่านปรารภอยู่เหมือนกันว่า ก็พยายามจะตามมา เพราะท่านก็เป็นกังวลกับปัญหาตรงนี้ กับเรื่องที่ทำความเสื่อมเสียมาสู่ศาสนา ท่านก็เป็นกังวลมากและพยายามรีบดำเนินการให้แล้วเสร็จ
ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้ถามปรับแก้ พ.ร.บ.สงฆ์ ตามที่มหาเถรสมาคมให้คณะสงฆ์ได้ปรับแก้ใหม่นั้น นายสุชาติ กล่าวว่า ต้องปรึกษากันใหม่ เพราะจะทำวิธีการใดที่จะแก้ พ.ร.บ.สงฆ์ ที่มีมาตั้งแต่ พ.ศ.2505 หรือจะร่าง พ.ร.บ.ขึ้นมาใหม่ หลักการมันอยู่ที่จะดำเนินการอย่างไรที่จะเอาผิดสีกาไปเสพเมถุนกับพระประพฤติปฏิบัติผิดแบบนี้ ซึ่งต้องไปดูว่าจะเอาผิดอย่างไรได้บ้าง แต่จะเป็นกฎหมายของสงฆ์หรือกฎหมายที่ร่างขึ้นมาใหม่ แต่ขอให้เร็วเพราะเราต้องการความเร็วการแก้ไข ไม่เช่นนั้นเหตุการณ์แบบนี้จะกระทบศรัทธาของประชาชน
"มองว่าแบบนี้แย่ พอเกิดเรื่องนี้ขึ้น ก็จะเกิดเรื่องอื่น ๆ ขึ้นมาเรื่อย ๆ เป็นแบบนี้ไม่ได้ ยอมรับว่า กังวลมาก" นายสุชาติ กล่าว
เมื่อถามถึง การเอาผิดสีกากอล์ฟ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 206 ที่สามารถเอาผิดผู้ใดที่ทำการดูหมิ่นศาสนา จะถือว่าเข้าข่ายหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า ตนขอนำเรื่องนี้ไปพิจารณาก่อน ซึ่งตนได้มอบนโยบายให้กับทางสำนักพระพุทธศาสนาไปแล้ว โดยจะต้องนำตัวสีกากอล์ฟมาดำเนินการสอบสวน
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุชาติได้หันหน้าไปพูดกับเจ้าหน้าที่ พศ. โดยสั่งการให้ไปศึกษาการเอาผิดตามมาตรา 206 ซึ่งอะไรที่สามารถกระทำการได้อย่างรวดเร็ว จะต้องนำผู้กระทำความผิดมาให้ได้ แต่ในขณะนี้ยังไม่สามารถเอาผิดสีกากอล์ฟได้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการฉ้อโกงหรือหลอกลวง รวมไปถึงความผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ ซึ่งขณะนี้ต้องดูว่าเข้าข่ายในเรื่องใด
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีความกังวลใจเพราะทาง พศ. เองยังไม่ได้มีการแจ้งความเอาผิดสีกากอล์ฟ ทำให้คดียังไม่สามารถเดินหน้าได้ นายสุชาติ ได้หันไปถามย้ำกับ เจ้าหน้าที่ พศ. ว่าสำนักพุทธฯ เอาอย่างไรพร้อมกับสั่งการให้เร่งศึกษาในประเด็นนี้โดยด่วน และกล่าวต่อว่า นักข่าวได้เสนอประเด็นนี้ขึ้นมาทำไมสำนักพระพุทธศาสนาถึงไม่รู้เรื่องขณะที่คนอื่นกำลังหาช่องทางกฎหมาย
"ผมก็ได้กำชับไปหลายครั้งแล้ว เพราะเรื่องนี้ยังไม่ได้รับการแก้ไข ส่วนตัวเองและประชาชนเองก็กังวลใจ ซึ่งเพิ่งจะมารับตำแหน่งนี้ได้ไม่ถึงสัปดาห์ก็มีกรณีนี้เป็นเรื่องรับน้อง และยอมรับว่ากังวลมาก จึงได้มาขอคำแนะนำกับท่านสมเด็จฯ ทั้งสองรูปในวันนี้" นายสุชาติ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าสำนักพระพุทธศาสนาได้รายงานแล้วหรือยังว่าพระที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับสีกากอล์ฟนั้นได้มีการโอนเงินโดยเสน่หาหรือว่าถูกหลอก นายสุชาติ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างรอเจ้าหน้าที่ตำรวจสรุปข้อมูลให้ ซึ่งวันนี้ก็จะทำหนังสือไปทาง ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอให้ พศ.ร่วมดำเนินการสอบสวน ซึ่งหากดำเนินการล่าช้าตนก็จะเล่นงาน จึงอยากให้ทางตำรวจส่งข้อมูลทั้งหมดมาที่ทาง เจ้าคณะหนฯ ทั้งหมด และส่งมาที่ พศ.และย้ำว่าตนร้อนใจในเรื่องนี้มาก
ส่วนพ.ร.บ.สงฆ์ ที่จะมีการแก้ไข โดยเฉพาะเรื่องเงิน นายสุชาติ กล่าวว่า ต้นตอของปัญหา ต้นเหตุที่เกิดปัญหา กระบวนการหลอกพระ ก็มาจากการที่พระมีเงิน มีทรัพย์เยอะ และหลอกง่ายที่สุด เมื่อพระถูกแบล็กเมลหน่อยก็ต้องโอนเงินให้ พฤติการณ์นี้ทำเป็นขบวนการ ซึ่งเราก็พยามที่จะทำ เพื่อแก้ปัญหาต้นเหตุ เมื่อพระมีทรัพย์มาก และมีการใช้จ่ายโดยไม่มีการควบคุม ก็ต้องแก้ด้วยการออกกฎกระทรวง ว่าทุกบาททุกสตางค์ของวัด ต้องเอาเข้าบัญชีธนาคาร
"เงินสดที่วัดอาจจะถือได้ก็ต้องห้ามเกิน 100,000 บาท ไว้สำหรับค่าใช้จ่ายทั้งค่าน้ำค่าไฟ และทุกบัญชีนั้นก็ต้องฝากธนาคารทั้งหมด และทุกเดือน จะต้องทำบัญชีรายรับรายจ่าย และต้องสรุปรายงานบัญชีประจำปีด้วย" นายสุชาติ กล่าว
นายสุชาติ กล่าวต่อไปว่า ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการร่างแบบฟอร์มไว้หมดแล้ว โดยจะมีผลบังคับใช้วันที่ 1 ตุลาคม นี้ เป็นต้นไป ซึ่งวัดทุกวัดจะต้องปฏิบัติตาม หากไม่ปฏิบัติก็ถือว่าเป็นการฝ่าฝืน รวมทั้งจะให้สำนักพระพุทธศาสนาจะดำเนินการย้อนดูธุรกรรม สำหรับวัด ที่พบความผิดปกติ ซึ่งตนก็เคยให้นโยบายกับสำนักพุทธฯ ไว้ว่าต้องทำงานเชิงรุกไม่ใช่ทำงานเชิงรับ
"ทุกวันนี้ทำงานเชิงรับให้ตำรวจไปจับเพียงอย่างเดียว หลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะต้องไปสอดส่องดูพฤติกรรมของพระในทุกวัดทุกพื้นที่กับชาวบ้านและชุมชน ไม่ใช่รอให้ตำรวจทำคดีอย่างเดียว จะต้องไปปราบก่อนเหตุบานปลาย" นายสุชาติ กล่าว
นายสุชาติ กล่าวอีกว่า แต่ในขณะนี้แม้ยังไม่มีการตั้งชุดทำงานดังกล่าว ก็ขอให้พุทธศาสนาจังหวัดดำเนินการตรวจสอบ พฤติกรรมของพระในแต่ละวัดจากข่าวซุบซิบของชาวบ้าน ซึ่งกฎหมายฉบับนี้จะครอบคลุมไปถึงพฤติกรรมของพระสงฆ์ที่มีการล่วงละเมิดทางเพศทั้งหญิงและชาย ซึ่งจะมีความผิดวินัยสงฆ์และส่งดำเนินคดีอาญาด้วย
ข่าวเวิร์คพอยท์23