เรืองไกร ขอ ป.ป.ช. ร้องศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ครม. และ สส. ต้องพ้นจากตำแหน่งตามพิเชษฐ์
เมื่อวันที่ 3 ส.ค. นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ในฐานะกรรมาธิการงบประมาณ 2569 เปิดเผยว่า วันนี้ได้ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS เพื่อขอให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รีบส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคณะรัฐมนตรีและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ลงมติเห็นชอบร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 จะต้องพ้นจากตำแหน่งหรือสิ้นสุดสมาชิกภาพตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2568 หรือไม่ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 121 คน (ผู้ร้อง) หรือสมาชิกวุฒิสภาที่ไม่เสนอความเห็นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อไปตามผลของคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จะมีความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ตามความในมาตรา 234 (1) หรือไม่
นายเรืองไกร กล่าวว่า เนื่องจากผลของคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2568 เป็นการวินิจฉัยที่รวมไปถึงขั้นตอนการจัดทำงบประมาณของคณะรัฐมนตรี และการลงมติในวาระที่หนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งการจัดทำร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ 2569 ตามมติคณะรัฐมนตรี ซึ่งในการอภิปรายร่างฯ วาระหนึ่ง ขั้นรับหลักการ สส.ฝ่ายค้านได้อภิปรายเกี่ยวงบประมาณดังกล่าวแล้ว แต่คณะรัฐมนตรีไม่ได้ถอนร่างกฎหมายดังกล่าวกลับไปแก้ไข และสส.ได้ลงมติเห็นชอบในวาระที่หนึ่งด้วยคะแนนเสียง 322 เสียง ที่เป็นเหตุให้ถูกร้อง และศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเมื่อ 1 ส.ค.
“กรณี จึงไม่ควรร้องเฉพาะตัวผู้ถูกร้อง คือนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน เพียงคนเดียวเท่านั้น แต่มีข้อเท็จจริงที่ปรากฏชัดว่าครม.ทั้งคณะมีส่วนในการจัดทำงบประมาณของผู้ถูกร้องด้วยแล้ว และสส. 322 คน ได้ลงมติรับหลักการในวาระที่หนึ่ง ทั้งที่มีการอภิปรายเกี่ยวกับความไม่ชอบของงบประมาณของสภาผู้แทนราษฎรทั้ง 3 รายการดังกล่าวแล้ว คณะรัฐมนตรีกลับไม่ถอนร่างกลับไปแก้ไขให้ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญมาตรา 144 และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่ลงมติไม่รับหลักการเพื่อไม่ให้เกิดการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 ดังนั้น ครม.และสส. จึงต้องรับผิดชอบเช่นเดียวกับนายพิเชษฐ์” นายเรืองไกร กล่าว
ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2568 แล้ว กลับยังไม่พบการกระทำในส่วนของสส. หรือ สว. ที่จะทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสาม แต่อย่างใด กรณี จึงมีเหตุจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องร้องต่อ ป.ป.ช. เพื่อดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสี่ สำหรับสส.หรือ สว.ที่ทราบผลของคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญแล้ว แต่ไม่เสนอความเห็นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสาม เพื่อให้ครม.พ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ หรือเพื่อให้สส. 322 คน สิ้นสุดสมาชิกภาพ ด้วย หรือไม่ นั้น ผู้ร้องหรือสว.จะมีความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ตามความในมาตรา 234 (1) หรือไม่
นายเรืองไกร กล่าวอีกว่า ผลจากคำวินิจฉัยดังกล่าว จะเป็นเหตุให้การแปรญัตติเพิ่มงบประมาณที่คณะรัฐมนตรีเสนอมา จะทำให้คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ที่ร่วมลงมติในงบแปรญัตติ มีส่วนไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่าย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสอง อันเป็นความผิดเช่นเดียวกัน เพราะมาตรา 144 วรรคหนึ่ง บัญญัติชัดว่า “… สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะแปรญัตติเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขจำนวนในรายการมิได้…” ดังนั้น ตนจึงไม่อยู่ร่วมในการลงมติงบแปรญัตติดังกล่าว.