จับตาผลเจรจาภาษีทรัมป์คืนนี้ ชี้ชะตาความสามารถแข่งขันไทย
นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า มองว่าประเด็นสำคัญในตอนนี้ คือเฝ้าติดตามความคืบหน้าเจรจาภาษีระหว่างไทยกับสหรัฐฯ โดยเชื่อว่าใกล้จะประกาศแล้ว อาจจะคืนนี้ตามเวลาประเทศไทย
ล่าสุดทางรัฐมนตรีคลังระบุว่า จัดทำข้อเสนอสุดท้ายให้กับสหรัฐฯไปแล้วในช่วงเมื่อวานที่ผ่านมา พร้อมเชื่อว่าเหตุการณ์ไทยกับกัมพูชาไม่มีผลต่อการเจรจา
ทั้งนี้ จากประเด็นที่เช้านี้ (31 ก.ค.68) ทรัมป์ประกาศบรรลุ Deal การค้ากับเกาหลีใต้ด้วยการเก็บภาษีนำเข้าเพียง 15% เพื่อแลกกับการที่เกาหลีใต้จะมอบเงินราว 3.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อใช้ในการลงทุนและอยู่ภายใต้การควบคุมของสหรัฐฯ
นอกจากนี้ จะตกลงซื้อแก๊สจากสหรัฐฯ หรือพลังงานรูปแบบอื่นรวมกันมูลค่า 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ พร้อมกับไม่เก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ที่ไปยังเกาหลีใต้
ทำให้มองว่ามีโอกาสที่อัตราภาษีของไทยคาดว่าจะอยู่ในกรอบ 15 - 25% ประเทศไทยทำตามสิ่งที่สหรัฐฯ ร้องขอหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น แผนลดขาดดุลการค้า นำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ มากขึ้น อาทิ ก๊าซ และเครื่องบิน รวมไปถึงตั้งใจจะให้สินค้าจากสหรัฐฯ เข้ามาเป็น 0% ของภาษีนำเข้า
แต่อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยฟื้นขึ้นมาแล้วราว 15% จากจุดต่ำสุด การปรับขึ้นจากนี้จึงคาดหวัง Upside ไม่ได้เยอะมาก ทั้งนี้ กลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากอัตราภาษีสหรัฐฯ (กรณีต่ำกว่า 20%) จะเป็น กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม และกลุ่มเกี่ยวเนื่องกับการส่งออก เป็นต้น
ภาษีทรัมป์ฉุดไทยเสียเปรียบแข่งขัน
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองว่า ปัจจุบันยังไม่มีการประกาศอัตราภาษีการค้าสำหรับไทย ซึ่งต้องติดตามต่อว่าจะมีการประกาศอัตราสุดท้ายในคืนนี้หรือไม่
หรือจะได้รับอัตราชั่วคราวในระหว่างที่การเจรจายังไม่แล้วเสร็จ ซึ่งก่อนหน้านี้ทางฝ่ายคาดการแนวโน้มอัตราภาษีสหรัฐฯ ต่อไทยที่ระดับ 15 - 25% และหากไทยถูกเรียกเก็บภาษีที่ 36% จะเสียเปรียบคู่แข่งที่ได้อัตราภาษีที่น้อยกว่า
นักวิเคราะห์ บล. เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ระบุว่า เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายที่อัตราภาษีใหม่สหรัฐฯเตรียมมีผลบังคับใช้ ซึ่งความคืบหน้าล่าสุดมี 2 ประเทศ เริ่มจาก
- อินเดียสหรัฐฯเก็บภาษี 25% (จากเดิม 26%) และมีโอกาสบวกเพิ่มเพื่อเป็นการลงโทษที่อินเดียนำเข้าน้ำมันและอาวุธจากรัสเซีย รวมถึงอินเดียยังมีมาตรการที่ไม่ใช่ภาษีที่ยังเป็นอุปสรรค
- เกาหลีใต้ สหรัฐฯเก็บภาษี 15% (จากเดิม 25%) แลกกับเกาหลีใต้ไม่เก็บภาษีนำเข้าสหรัฐฯ เปิดตลาดนำเข้ารถยนต์ รถบรรทุกและสินค้าเกษตรสหรัฐฯ รวมถึงซื้อสินค้าพลังงาน 1 แสนล้านเหรียญฯ และลงทุนในสหรัฐฯเพิ่ม 3.5 แสนล้านเหรียญฯ
ภายใต้สถานการณ์ข้างต้นทำให้ประเทศที่ดีลภาษีสหรัฐฯ ได้ตอนนี้ถูกเก็บในช่วง 10 - 25% ทำให้เรายังเชื่อว่าไทยจะถูกลดภาษีจากระดับ 36% โดยไม่เสียเปรียบภูมิภาค หากเกิดขึ้นเป็นปัจจัยลดความเสี่ยงการเติบโตเศรษฐกิจไทย
โดยเฉพาะการแข่งขันด้านการส่งออกและลงทุน จึงมองเป็นบวกหุ้นกลุ่มนิคม WHA ส่วนกลุ่มส่งออก Selective หุ้นที่กำไรยังเติบโตในช่วงไตรมาส 3/68 ชอบ ITC GFPT
บล.ไอร่า ระบุว่า จากความคาดหวังประเทศไทยจะได้รับภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐ (Reciprocal Tariff) ออกมาต่ำกว่าระดับ 20% (เช้านี้เกาหลีใต้ได้ในอัตรา 15% ,อินเดีย 25%) ทางฝ่ายยังคงมุมมองว่าเป็นไปได้ยาก และตลาดหุ้นไทยอาจเผชิญแรง Sell on fact จากประเด็นดังกล่าวได้ในช่วงสัปดาห์นี้