เปิดต้นตอ 'เขมร ชิงชัง ไทย' จุดเริ่มต้น นักวิชาการชี้ รู้แล้วขนลุก
การจับตามองประเด็นความไม่สงบชายแดนไทย - กัมพูชา ยังมีรายงานอย่างต่อเนื่อง และเฝ้าจับตาไขความสงสัยในหลากหลายเรื่อง ทำไม "กัมพูชา"ถึงได้มีความกล้าเริ่มปฏิบัติการโจมตีเมืองไทย ขณะที่ย้อนกลับไปก่อนเกิดเหตุปะทะกันนั้น "กัมพูชา"ก็ใช้กลยุทธโลกออนไลน์โจมตีไทยมาอย่างต่อเนื่อง มักเคลมวัฒนธรรมร่วมเสมอมา
ล่าสุดใน "รายการ โหนกระแส" วันที่ 29 กรกฎาคม 2568 มีการเปิดเผยข้อมูลจากนักวิชาการถึง "ต้นตอความรู้สึกเชิงลบของชาวกัมพูชาที่มีต่อคนไทย" ซึ่งไม่ได้เพิ่งเกิดในยุคสมัยนี้ แต่หยั่งรากลึกมานานจากเรื่องเล่าปรัมปราที่สืบต่อ กันมาหลายชั่วอายุคน
มันจงเกลียดจงชังอะไรไทยนักหนา?
"ดร.ดุลยภาค" ได้เล่าให้ฟังในเชิงวิชาการว่า "มีคำอธิบายหลายส่วน แต่เอาเฉพาะส่วนนึงเป็นเรื่องของนิทานละครพื้นบ้าน ที่ปลูกฝังกันมาของเขา เกี่ยวกับไทย เป็นนิทานที่มีมาแต่โบราณกาล ปัจจุบันก็ยังนิยมอยู่ของเยาวชนหนุ่มสาวเขมร ทำเป็นอนิแมชั่นอะไรต่างๆ ทำเป็นเอกสารสำคัญการเรียนการสอน"
ชื่อว่า "ตำนานพระโคพระแก้ว" พระโคเป็นวัวศักดิ์สิทธิ์ มีกฤษดาอภินิหารมาก พระแก้วเป็นพี่เป็นน้องพระโค เป็นมนุษย์ วันนึงมีกองทัพสยามบุกมาที่กำพุดประเทศ เข้าโจมตีราชธานีคือกรุงละแวก พระโคขันอาสาสู้กับสยาม แต่ปรากฏว่าไม่สามารถสู้วัวสยามได้ พระโคพ่ายแพ้ ก็เหาะเหินเดินอากาศ
โดยมีพระแก้วเกาะหางพระโคหนีจากสยาม อยู่มาวันนึง สรุปว่าสยามตีกรุงละแวกได้ และนำพระโคพรากไปจากอ้อมอกคนกัมพูชา ที่สำคัญคือในท้องพระโคบรรจุ"
ในท้องพระโคบรรจุคลังศิลปะวิทยาการของบรรพชนคนเขมร อารยธรรมเขมร ภูมิปัญญาเขมรอยู่ในท้องพระโค เมื่อสยามลักพระโคจากอ้อมอกกัมพูชา นับจากนั้นมากัมพูชาเข้าสู่ยุคมืด และไม่ได้เจริญเฉกเช่นกับจักรวรรดิเขมร ในยุคกรุงศรียโศธรปุระอีกเลย เขาก็มองว่ายุคเสื่อมกัมพูชาทำให้กัมพูชาไม่เจริญเพราะสยามขโมยพระโคไป
พระโคอยู่ไหน? "แต่ถ้าในเชิงประติมากรรมทางประวัติศาสตร์ มีรูปปั้นพระโคอยู่ที่กรุงละแวกของกัมพูชา แต่มีนักวิชาการชาตินิยมเขมรบอกว่า "มีรูปปั้นวัวอยู่ที่วัดพระแก้วที่กรุงเทพฯ เป็นพระโคของเขา" แต่จริงๆ เป็นประติมากรรมฝรั่ง น่าจะสร้างสมัยล้นเกล้ารัชกาลที่ 4 ไปเสิร์จดูได้เลยครับ
"ดร.ดุลยภาค" กล่าวเล่าประเด็นโคพระแก้วต่อเนื่องว่า
"พระโคพระแก้ว" เป็นยุคหลังจากที่นครวัด นครธมล่มสลาย ส่วนนึงมาจากการบุกของกองทัพของพระเจ้ากรุงศรีอยุธยา สมัยเจ้าสามพระยา เขมรก็ย้ายราชธานี เพื่อให้พ้นทิศทางการรุกรานของสยาม หนึ่งในราชธานีสำคัญคือกรุงละแวก ซึ่งกรุงละแวกคือศูนย์อำนาจพระยาละแวก
"สมัยพระนเรศวรทรงราชย์" ท่านมีดำริปราบกำพุดประเทศ เข้ามาโจมตี แต่ที่กรุงละแวกมีป่าไผ่เป็นแนวปราการ ทำให้ทัพสยามตียาก ดังนั้นก่อนทัพสยามจะถอย ก็ยิงกระสุนปืนที่เป็นเงินไปตกป่าไผ่ คนเขมรที่อดอยากจากภัยสงคราม ก็เข้าไปตัดป่าไผ่เพื่อหาเงินมาเลี้ยงชีพ ทำให้ปราการเหล็กเสียสมรรถนะในการป้องกันราชธานี กองทัพสยามก็กลับมาสามารถพิชิตกรุงละแวกได้
แต่ก็มีการใส่ดีเทลว่าช่วงเวลานั้น "พระโค"เองซึ่งเป็นวัวศักดิ์สิทธิ์ ขันอาสามาสู้กับสยาม ก็ไปเจอกับของเรา มีพราหมณ์ปลุกเสกโคยนต์ แล้วพระโคสู้ไม่ได้ สุดท้ายนำไปสู่การยอมแพ้ทัพสยามเข้ามายึดครองกรุงละแวก นิทานแบบนี้มีลักษณะพิเศษ เวลาเราดูวรรณคดี วรรณกรรมร่วมระหว่างไทยกับกัมพูชา ก็มีเรื่องคล้ายๆ กันเช่น
- กากี
- นางสิบล้อ
- ลักษณาวงศ์
แต่พระโคพระแก้ว เรื่องวัวศักดิ์สิทธิ์ ของเราไม่มี มีแต่ของเขา เขาก็ฉายภาพด้วยว่าไทยเป็นผู้รุกราน เป็นนิทานพื้นบ้านที่เกี่ยวกับเพื่อนบ้านมารุกรานสอดไปด้วย ความเชื่อแบบนี้มากๆ ก็เป็นอันตราย ทำให้เกิดชาตินิยมเข้มข้น มองเพื่อนบ้านเป็นศัตรู อันนี้ก็ต้องระมัดระวัง"