พนักงานกว่าครึ่งไม่เชื่อมั่นบริษัท สายบริหาร เทค กฎหมาย ตกต่ำสุด
สถานการณ์ Lay Off หรือการปลดพนักงานกำลังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในหลายๆ ภาคธุรกิจทั่วโลก โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ที่มีรายงานข่าวบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้ง Microsoft, Walmart, Meta, Amazon, Intel, Nissan, Starbucks ฯลฯ ต่างก็เลิกจ้างพนักงานจำนวนมากตั้งแต่ปีที่แล้วเรื่อยมาจนถึงปีนี้ เหตุเพราะต้องปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อรับมือกับเศรษฐกิจโลกผันผวนหนัก ขณะที่ไทยเองก็เริ่มเห็นปรากฏการณ์นี้ในบางอุตสาหกรรมเช่นกัน
รู้หรือไม่? การที่พนักงาน (แม้ยังคงมีงานทำอยู่) เผชิญกับสถานการณ์เลย์ออฟของบริษัทของตนเองบ่อยๆ ก็ส่งผลให้ความเชื่อมั่นในองค์กรของพวกเขาลดน้อยลงเรื่อยๆ ยืนยันจากรายงานล่าสุดจาก Glassdoor ที่เปิดเผยว่า ความเชื่อมั่นของพนักงานในสหรัฐฯ ลดลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ในรอบเกือบ 10 ปี นับตั้งแต่เริ่มเก็บข้อมูลในปี 2016
จากข้อมูลเดือนมิถุนายน 2025 ที่ผ่านมา มีพนักงานเพียง 43.6% ที่มองอนาคต 6 เดือนข้างหน้าของบริษัทในแง่บวก ซึ่งลดลงจาก 44.4% ในเดือนพฤษภาคม 2025 และเป็นการลดลงต่อเนื่องจากเดือนก่อนๆ ด้วย บ่งชี้ว่า คนทำงานจำนวนมากเริ่มไม่มั่นใจต่อทิศทางธุรกิจของบริษัท และความมั่นคงของงานตัวเอง
เควิน ธอมป์สัน (Kevin Thompson) ซีอีโอของ 9i Capital Group ให้สัมภาษณ์กับ Newsweek ว่า ความเชื่อมั่นของพนักงานคือกระจกสะท้อนเศรษฐกิจโดยตรง การที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคก็ลดลงในเดือนเดียวกัน บ่งชี้ถึงเศรษฐกิจอาจชะลอตัวลงอีกในช่วงเดือนถัดๆ ไป
เมื่อคนทำงานหมดความมั่นใจ องค์กรเสี่ยงสูญเสียบุคลากร
การสำรวจของ Glassdoor ยังพบว่า พนักงานที่มององค์กรในแง่ลบ มีแนวโน้มจะมองหางานใหม่ มากกว่าคนที่มีทัศนคติเชิงบวกถึง 2.1 เท่า ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงสำคัญต่อองค์กร ที่อาจต้องเจอกับการลาออกของพนักงานที่มีศักยภาพสูง
นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นต่อองค์กรที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ยังสะท้อนภาพรวมของตลาดแรงงานที่เปราะบาง และอาจเชื่อมโยงกับความกังวลว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยกำลังจะมาเยือนในไม่ช้า
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของพนักงานในแต่ละอุตสาหกรรมลดลงไม่เท่ากัน โดยกลุ่มพนักงานออฟฟิศหรือคนทำงานนั่งโต๊ะ ได้รับผลกระทบชัดเจนที่สุด ได้แก่
- สายงานบริหารและที่ปรึกษา ความเชื่อมั่นลดลง 2.6 จุด
- สายงานเทคโนโลยีสารสนเทศ ความเชื่อมั่นลดลง 1.9 จุด
- สายงานกฎหมาย ความเชื่อมั่นลดลง 1.8 จุด
- สายงานเภสัชกรรม ความเชื่อมั่นลดลง 1.5 จุด
อเล็กซ์ บีน (Alex Beene) ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน จากมหาวิทยาลัยเทนเนสซี ให้ความเห็นว่า “เมื่อพาดหัวข่าวเกี่ยวกับการเลิกจ้างและเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนยังมีอยู่เรื่อย ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่พนักงานจะรู้สึกหมดไฟ หรือหมดความหวังกับที่ทำงานของตัวเอง”
ไม่ใช่ทุกสายงานสุ่มเสี่ยง บางสายงานความเชื่อมั่นพนักงานพุ่งขึ้นกว่าเดิม
ท่ามกลางความไม่เชื่อมั่นในตลาดแรงงานโดยรวม กลับมีบางอุตสาหกรรมที่ความเชื่อมั่นของพนักงานยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เช่น กลุ่มอาชีพด้านสุขภาพ (healthcare) พนักงานยังคงมีความเชื่อมั่นสูง โดยประมาณ 50% ของพนักงานยังมองอนาคตองค์กรในแง่ดี
ขณะที่พนักงานในธุรกิจโรงแรมและที่พัก มีความเชื่อมั่นในงานของตนเพิ่มขึ้น 1.1 จุด ส่วนพนักงานในสายงานร้านอาหารและบริการอาหาร มีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นเช่นกัน อยู่ที่ 0.3 จุด
อย่างไรก็ตาม ธอมป์สันให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ภาพรวมของตลาดแรงงานในช่วงนี้ยังมีความไม่แน่นอนสูง คาดว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจจะอ่อนแรงลงกว่านี้ มีแนวโน้มสูญเสียงาน และอาจเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย อีกทั้งปัญหาเรื่องภาษีและต้นทุนค่าแรง ก็ทำให้นายจ้างเองก็ไม่มั่นใจในอนาคตเช่นกัน
ด้าน อเล็กซ์ บีน เสริมว่า สถานการณ์โลกการทำงานทุกวันนี้ เหมือนโดนพายุเศรษฐกิจถาโถมเข้าใส่ เพราะหลังยุคโควิด บริษัทจำนวนมากที่เคยเร่งจ้างงานกลับมา เริ่มลดจำนวนพนักงานลง ส่งผลให้พนักงานที่ยังอยู่รู้สึกว่าเหนื่อยมากขึ้น แต่ได้ผลตอบแทนเท่าเดิม
นักวิเคราะห์ทางการเงินหลายรายเชื่อว่า ตลาดแรงงานในสหรัฐฯ มีแนวโน้มจะชะลอตัวในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยเฉพาะเมื่อตัวเลขการจ้างงานต่อเดือนถูกปรับลดลงถึง 200,000 ตำแหน่งตั้งแต่เดือนมกราคม และข้อมูลจาก ADP ก็สะท้อนสัญญาณเศรษฐกิจชะลอตัวเช่นกัน