พงศ์กวิน มอบ 5 นโยบาย ก.แรงงาน ปูทางค่าจ้าง ยกระดับด้วย AI จัดระเบียบต่างด้าว ดันเยาวชนมีรายได้

พงศ์กวิน เปิด 5 นโยบาย ก.แรงงาน ปูทางค่าจ้าง ยกระดับด้วย AI จัดระเบียบต่างด้าว ดันเยาวชนมีรายได้

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 4 กรกฎาคม ที่กระทรวงแรงงานนายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายกระทรวงแรงงานแก่ผู้บริหารหน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงาน เนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่งในวันแรก โดยมีนายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงานเข้าร่วม

นายพงศ์กวิน เปิดเผยว่า วันนี้ที่ตนได้มีโอกาสมาร่วมงานกับทางกระทรวงแรงงาน โดยตนขอฝากสิ่งที่คาดหวังที่จะให้กระทรวงแรงงานดำเนินการ เพื่อดูแลช่วยเหลือพี่น้องแรงงาน ซึ่งเป้าหมายสูงสุด ตนอยากเห็นการเป็น “กระทรวงแรงงานเพื่อโอกาสแรงงานไทย” และขอให้ขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบาย 5 ข้อ ดังนี้

1. AI เพื่อยกระดับแรงงานไทย เนื่องจากโลกแห่งการทำงานปัจจุบันและอนาคต เราไม่สามารถปฏิเสธบทบาทของ AI ที่จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ได้ ดังนั้น ในฐานะกระทรวงแรงงาน เราจึงต้องเร่งพัฒนาหลักสูตรการใช้งาน AI ที่สอดคล้องกับความต้องการของภาคการผลิตและบริการในปัจจุบัน ไปจนถึงอนาคต และต้องดำเนินการเชิงรุก ให้แรงงานเข้าสู่กระบวนการพัฒนาทักษะฝีมือด้าน AI เพิ่มมากขึ้น ตลอดจนบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาคการศึกษา ผู้ประกอบการ และภาคประชาชน ในการส่งเสริมให้เกิดการยกระดับทักษะฝีมือแรงงานด้าน AI พร้อมกับส่งเสริมให้แรงงานทุกกลุ่ม เข้าสู่กระบวนการยกระดับทักษะฝีมือแรงงาน

“ผมได้ทราบมาว่า กระทรวงแรงงานโดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ได้มีการจัดทำหลักสูตรและดำเนินการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานในด้าน AI มาระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีนะครับ แต่เห็นว่า เราจำเป็นต้องเร่งดำเนินการในเรื่องนี้เพิ่มขึ้นอีก เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และความต้องการแรงงานที่มีทักษะด้าน AI ที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วด้วย เห็นว่า หลักสูตรการฝึกอบรมที่กรมพัฒนาฝีมือแรงงานดำเนินการเอง ยังไม่เพียงพอต่อการยกระดับทักษะฝีมือแรงงานด้าน AI รวมถึงด้านอื่นให้เพียงพอต่อความต้องการ แต่กรมพัฒนาฝีมือแรงงานมีเครื่องมือสำคัญคือ พระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2545 ที่ส่งเสริมให้ภาคเอกชนพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานของตัวเอง โดยให้นำค่าใช้จ่าย มาลดหย่อนภาษีได้ หากกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ปรับปรุงแนวทางการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว เพื่อผลักดันให้ภาคเอกชนพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานในด้าน AI เพิ่มมากขึ้น น่าจะเป็นช่องทาง ทำให้เกิดการยกระดับทักษะฝีมือแรงงานในด้าน AI ให้เกิดผลได้รวดเร็วยิ่งขึ้น” นายพงศ์กวิน กล่าว

2. การคุ้มครองแรงงานอย่างเท่าเทียม ปัจจุบันมีการทำงานในรูปแบบใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย ซึ่งกระทรวงแรงงานจะต้องดูแลแรงงานทุกกลุ่ม ต้องรู้เท่าทันและปรับตัวให้ทันสมัย เพื่อให้สามารถดูแลแรงงานที่ทำงานในรูปแบบใหม่ ๆ ซึ่งมีทั้งพ่อค้า แม่ค้า ทั้งที่มีหน้าร้านและค้าขายออนไลน์ ผู้ประกอบอาชีพรับจ้าง รับงานอิสระ แรงงานแพลตฟอร์ม เช่น ไรเดอร์ ผู้ประกอบอาชีพบนสื่อดิจิทัล Influencer ต่าง ๆ จำนวนกว่า 21 ล้านคน จึงขอให้เร่งผลักดันกฎหมายแรงงานยุคใหม่ ให้ครอบคลุมแรงงานนอกระบบ (Gig Economy) เพื่อเข้าสู่กระบวนการนิติบัญญัติ นำไปสู่การบังคับใช้โดยเร็ว นอกจากนี้ ขอให้มีการศึกษาวิจัยรูปแบบการทำงานในปัจจุบัน แนวโน้มความต้องการประกอบอาชีพ และลักษณะงานที่คนรุ่นปัจจุบันและเยาวชนที่จะเข้าสู่ตลาดแรงงานในอนาคตต้องการ เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาปรับปรุง หรือบัญญัติกฎหมายแรงงานเพิ่มเติมให้มีความทันสมัย รองรับแรงงานที่มีรูปแบบการทำงานใหม่ ๆ ได้อย่างเหมาะสม ให้ครอบคลุมการคุ้มครองทั้งในด้านสภาพการจ้างงาน ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน การส่งเสริมการดำเนินการด้านแรงงานสัมพันธ์อย่างสร้างสรรค์ ตลอดจนระบบประกันสังคมให้ทันสมัย โปร่งใส และตอบสนองความต้องการของแรงงานทุกกลุ่มได้อย่างแท้จริง

3.Learn to Earn เด็กสมัยนี้โตไวและมีความสามารถมาก ตนคิดว่าควรสนับสนุนและส่งเสริมให้หารายได้ระหว่างเรียน ซึ่งนอกเหนือจากมีรายได้แล้ว ยังเป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ รวมถึงช่วยหลีกเลี่ยงอบายมุขต่างๆ ตนจึงต้องการให้กระทรวงแรงงานช่วยส่งเสริมเด็กในยุคนี้ เห็นว่าเยาวชนในระบบการศึกษาช่วงอายุ 15 – 18 ปี ซึ่งกฎหมายอนุญาตให้ทำงานได้ แต่ต้องเป็นการทำงานที่ไม่ส่งผลต่อสุขภาพร่างกายและสภาพจิตใจ และต้องไม่มีความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดอันตรายต่อเยาวชน ซึ่งหากเราส่งเสริมให้เยาวชนกลุ่มนี้ได้ฝึกงาน ทำงานระหว่างปิดภาคเรียนหรือทำงานควบคู่กับการเรียน นอกจากจะทำให้มีรายได้ระหว่างเรียน ยังจะได้ประสบการณ์ไปต่อยอดการทำงาน เป็นแรงงานใหม่ที่มีคุณภาพหลังจบการศึกษา

“ซึ่งจริง ๆ ประเด็นนี้เป็นค่านิยมปกติของนักเรียนนักศึกษาในประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ ที่พ่อแม่ผู้ปกครองจะให้การสนับสนุน เพราะทำให้เยาวชนรู้จักการหารายได้ดูแลตัวเอง ทำให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างเข้มแข็งในอนาคต ไม่ใช่การให้เยาวชนมาทำงานเพราะมีฐานะยากจน เราจึงควรช่วยกันปรับเจตคติของสังคม ให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง ว่าทำไมเราถึงจะส่งเสริม Learn to Earn บุตรหลานของท่านจะได้ประโยชน์อย่างไร ระบบเศรษฐกิจจะได้ประโยชน์อย่างไร ตลอดจนประเทศชาติจะได้ประโยชน์อย่างไร จึงขอให้ทุกหน่วยงานเร่งสร้างการบูรณาการ ความร่วมมือระหว่างกระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) และผู้ประกอบการ ในการดำเนินการดังกล่าวด้วย” นายพงศ์กวิน กล่าว

4. สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ ด้วยการยกระดับรายได้ให้แก่แรงงานไทย จากข้อมูลของสำนักงานประกันสังคม ตนได้ทราบว่าจากผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมจำนวนประมาณ 24 ล้านคน ที่แม้ว่าในช่วงปีนี้ได้มีการปรับเพิ่มอัตราค่าจ้างขั้นต่ำแล้วถึง 2 รอบ ทำให้แรงงานในบางพื้นที่และบางสาขาอาชีพ ได้รับค่าจ้างในอัตราวันละ 400 บาท แต่ก็ยังมีผู้ประกันตนอีก 2.3 ล้านคน ซึ่งเป็นแรงงานไทย 1.8 ล้านคนที่ยังได้รับค่าจ้างไม่ถึงวันละ 400 บาท ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าแรงงานกว่า 90% มีรายได้เกิน 400 บาท ต่อวันแล้ว สำหรับกลุ่มที่เหลืออีกไม่กี่ % เราจำเป็นต้องเร่งยกระดับรายได้ของแรงงานกลุ่มนี้โดยด่วน ซึ่งการดำเนินการที่ทำได้ทันทีคือ การฝึกอบรมพัฒนาทักษะฝีมือให้แก่แรงงานกลุ่มนี้ ไม่ว่าจะเป็นการ Up – Skill Re – Skill เพื่อให้แรงงานกลุ่มนี้มีทักษะฝีมือได้มาตรฐานที่จะเข้าสู่ระบบค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแรงงาน ทำให้ได้รับค่าจ้างสูงขึ้นเกินกว่าวันละ 400 บาท ซึ่งการดำเนินการนี้ เป็นความพยายามยกระดับรายได้ให้แก่แรงงานอย่างเร่งด่วน แต่ก็ส่งผลดีในระยะยาวด้วยอย่างไรก็ดี พวกเราจะต้องมีการพัฒนากลไกการพิจารณากำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ หรือการจัดทำโครงสร้างค่าจ้างภาคเอกชนควบคู่กันไปด้วย ซึ่งจะเป็นการพัฒนาระบบการบริหารค่าจ้างที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นต่อไป

5. การจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวที่ทำงานในประเทศไทยอย่างเร่งด่วน เป็นความจริงว่า ปัจจุบันแรงงานต่างด้าวมีส่วนในการขับเคลื่อนภาคการผลิต และภาคบริการของประเทศไทย อย่างไรก็ดี เราไม่สามารถปล่อยให้มีการใช้แรงงานต่างด้าวโดยขาดการควบคุม ซึ่งทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็น การแย่งอาชีพคนไทย ปัญหาอาชญากรรม หรือแม้แต่ทำให้ไม่เกิดการพัฒนาภาคการผลิตและบริการ โดยการนำเทคโนโลยีชั้นสูงมาใช้ ที่นอกจากจะทดแทนแรงงานคนในส่วนที่ขาด ยังช่วยเพิ่มผลิตภาพและลดต้นทุนในระยะยาวได้ ดังนั้น กระทรวงแรงงานจะต้องเร่งจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวที่ทำงานในประเทศไทยอย่างเร่งด่วน โดยเร่งประชาสัมพันธ์ให้แรงงานต่างด้าวที่ทำงานอยู่ในประเทศไทยในปัจจุบัน เข้าสู่กระบวนการขออนุญาต หรือผ่อนผันให้ทำงานในประเทศไทย ตามที่กฎหมายกำหนดให้ครบถ้วนตามจำนวน และบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เพื่อแก้ไขปัญหาการลักลอบทำงาน และการทำงานที่เป็นการแย่งอาชีพคนไทย

นายพงศ์กวิน กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ตนขอฝากท่านผู้บริหารกระทรวงแรงงานทุกท่าน ในการพิจารณา หาแนวทางบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวให้เกิดความเหมาะสมในระยะยาวด้วย เพราะหากเปรียบเทียบกับการที่แรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ จะเห็นได้ว่า ประเทศที่มีนโยบายเปิดรับแรงงานต่างด้าว จะมีมาตรการที่เข้มงวดและชัดเจนเป็นระบบ เพื่อบริหารจัดการการนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานในประเทศ ให้สอดคล้องกับความต้องการทางด้านเศรษฐกิจ และไม่ก่อให้เกิดปัญหาด้านอื่น ๆ ตามมา ซึ่งประเทศไทยก็ควรมีมาตรการเช่นนั้น แต่ตนก็เข้าใจดีว่า ลักษณะการใช้แรงงาน ย่อมขึ้นอยู่กับลักษณะการประกอบการของแต่ละประเทศด้วย

“การที่ปัจจุบัน ประเทศไทยยังพึ่งพาภาคการเกษตร ภาคพาณิชยกรรมและภาคบริการเป็นหลัก ขณะที่ภาคอุตสาหกรรม ภาคพาณิชยกรรมและภาคบริการจำนวนมาก ก็ยังเป็นกิจการขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs) ทำให้ยังมีการใช้แรงงานที่ค่อนข้างเข้มข้น (Labour Intensive) และเป็นปัญหาอุปสรรคอย่างหนึ่ง ในการปรับกระบวนการผลิตและให้บริการ โดยการนำเทคโนโลยีมาใช้ทดแทนแรงงาน เนื่องจากกิจการเหล่านี้อาจมีทุนไม่มากพอ ประกอบกับโครงสร้างกำลังแรงงานไทยที่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และเด็กเยาวชนได้รับการศึกษาสูงขึ้นและทั่วถึง ทำให้เกิดการขาดแคลนแรงงานโดยเฉพาะแรงงานไร้ฝีมือ แรงงานต่างด้าวจึงเข้ามาทดแทนในส่วนนี้ แต่เราจะอยู่ ณ จุดนี้ตลอดไปไม่ได้ เราต้องการยกระดับประเทศไปสู่ประเทศที่มีรายได้สูง การประกอบการของประเทศจำเป็นต้องปรับเปลี่ยน ให้เป็นการประกอบการที่ให้ผลตอบแทนสูงด้วย ตนจึงเห็นว่าในส่วนของการใช้แรงงานต่างด้าวในอนาคต อาจต้องมีการพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์การอนุญาต ให้สอดคล้องกับการยกระดับปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตหรือบริการด้วย ซึ่งควรเริ่มศึกษาหาแนวทางที่เหมาะสมตั้งแต่ตอนนี้“ นายพงศ์กวิน กล่าว

นายพงศ์กวิน กล่าวอีกว่า สุดท้ายนี้ ตนขอขอบคุณท่านผู้บริหารกระทรวงแรงงานทุกท่าน ที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ตนจะเป็นสมาชิกคนหนึ่งของ “ครอบครัวแรงงาน” ที่เราจะช่วยกันสร้างสรรค์วงการแรงงานของประเทศไทย ให้มีความเจริญก้าวหน้า ทำให้แรงงานมีผลิตภาพสูง มีคุณภาพชีวิตที่ดี และให้ “กระทรวงแรงงาน เป็นโอกาสของแรงงานไทย” ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่าน และหากมีสิ่งใดที่จะให้ตนช่วยเหลือ หรือต้องการเสนอแนะ ตนยินดีและน้อมรับเสมอ

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : พงศ์กวิน มอบ 5 นโยบาย ก.แรงงาน ปูทางค่าจ้าง ยกระดับด้วย AI จัดระเบียบต่างด้าว ดันเยาวชนมีรายได้

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th