"ไพศาล" โพสต์วิเคราะห์! กลยุทธ์ตอบโต้สถานการณ์ความตึงเครียดชายแดน "ไทย-กัมพูชา"
เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.68 นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Paisal Puechmongkol" ระบุว่า การกำหนดกลยุทธ์ในการตอบโต้สถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จำเป็นต้องพิจารณาปัจจัยด้านยุทธศาสตร์ กฎหมายระหว่างประเทศ และผลกระทบในระยะยาว โดยสามารถวิเคราะห์ทางเลือกเชิงกลยุทธ์ดังนี้ :
1. การใช้อำนาจทางอากาศ
- ข้อดี : สร้างผลกระทบทางจิตวิทยาสูง และลดขีดความสามารถทางทหารของฝ่ายตรงข้ามได้รวดเร็ว
- ข้อควรระวัง : อาจถูกมองว่าเป็นการโจมตีก่อนโดยไม่มีเหตุผลเพียงพอภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ
- เสี่ยงต่อการขยายตัวของความขัดแย้งสู่ระดับภูมิภาค
- ข้อเสนอ: ควรใช้เฉพาะเมื่อมีการโจมตีจากฝ่ายตรงข้ามก่อน หรือมีหลักฐานชัดเจนว่าจะเกิดการรุกราน
2. การผลักดันกองกำลังข้าศึก
- แนวทางปฏิบัติ : กำหนดเขตกันชน (Buffer Zone) โดยอาจใช้ปืนใหญ่หรือกำลังภาคพื้นดินผลักดันให้ห่างจากชายแดน เน้นการทำลายยุทโธปกรณ์มากกว่าการสูญเสียชีวิต
- ประโยชน์ : ลดความเสี่ยงการปะทะใกล้ชิด และเป็นไปตามหลักการป้องกันตนเอง
3. ตัดกำลังเสริมและควบคุมพื้นที่ชั่วคราว
- ยุทธศาสตร์ : ใช้การโจมตีแบบจรยุทธ์ (Guerrilla Tactics) เพื่อตัดเส้นทางลำเลียง หากยึดพื้นที่ ต้องประกาศเจตนาชัดเจนว่าเป็นการชั่วคราวเพื่อเจรจา
- กฎหมาย : ต้องไม่ละเมิดอธิปไตยของกัมพูชาตามกฎหมายระหว่างประเทศ
4. การโจมตีศูนย์บัญชาการ
- ความเสี่ยง : อาจถูกมองเป็นการกระทำเชิงรุกที่เกินกว่าเหตุ เสี่ยงต่อการตอบโต้ด้วยอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง
- เงื่อนไข : ควรใช้เฉพาะเมื่อศูนย์บัญชาการนั้นเป็นแหล่งกำเนิดการโจมตีโดยตรง
ประเด็นสำคัญเพิ่มเติม
- การสนับสนุนประชาชน : ต้องรักษาความสงบในประเทศ และป้องกันการแพร่กระจายข้อมูลเท็จ
- การจัดการกับแรงกดดันระหว่างประเทศ :
- ต้องแยกประเด็นความขัดแย้งส่วนตัวของผู้นำออกจากผลประโยชน์ชาติ
- ใช้ช่องทางทูตเพื่อสร้างความเข้าใจกับประชาคมโลก
- แผนเผชิญเหตุระยะสั้น/ยาว :
- ระยะสั้น: เตรียมกำลังป้องกันและตั้งรับการโจมตี
- ระยะยาว: เสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงกับอาเซียน
สรุปแนวทาง
ควรใช้กลยุทธ์แบบขั้นบันได (Escalation Ladder) โดยเริ่มจาก:
1. การป้องปรามผ่านการแสดงแสนยานุภาพ
2. การตอบโต้แบบจำกัดหากถูกโจมตีก่อน
3. การเจรจาโดยมีเงื่อนไขหากสถานการณ์คลี่คลาย
ข้อควรจำ : การใช้กำลังต้องเป็นทางเลือกสุดท้าย และต้องคำนึงถึงความชอบธรรมทางกฎหมายระหว่างประเทศ เพื่อป้องกันการถูกโดดเดี่ยวทางการเมืองโลก