นายกฯ รับกังวลคดี ศาลรธน. ยันเดินหน้าควบ วัฒนธรรม ปั้น Soft Power ไทย
นายกฯ แพทองธาร ยืนยันกระแสข่าวควบตำแหน่ง รมว.วัฒนธรรม เพื่อขับเคลื่อน Soft Power ไทยอย่างจริงจัง พร้อมยอมรับกังวลต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ ย้ำไม่เกี่ยวกับการเตรียมรับมือคดี แต่เน้นภารกิจสำคัญของประเทศ
(วันที่ 30 มิถุนายน 2568) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าในการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ณ ทำเนียบรัฐบาล โดยได้ยืนยันกระแสข่าวว่า ตนเองจะเข้าไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมอีกตำแหน่งหนึ่งจริง พร้อมยอมรับว่ามีความกังวลต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่จะมีขึ้นในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้
ประเด็นการควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายกรัฐมนตรีชี้แจงว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนดำเนินการ โดยเหตุผลที่ต้องเข้าไปดูแลกระทรวงวัฒนธรรมด้วยตนเองนั้น ก็เพื่อต้องการขับเคลื่อนเรื่อง ซอฟต์พาวเวอร์ อย่างจริงจัง เพราะมองว่าเป็นกระทรวงสำคัญที่สามารถแนะนำและส่งออกวัฒนธรรมของไทยได้จริง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การควบตำแหน่งครั้งนี้เกี่ยวข้องกับความกังวลในคดีที่อาจทำให้ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ หรือไม่ นางสาวแพทองธารได้นิ่งคิดก่อนตอบว่า ไม่เกี่ยว แต่เป็นเรื่องที่จะต้องเน้นซอฟต์พาวเวอร์ไปด้วย ทำให้ต้องควบวัฒนธรรมด้วย
สำหรับแนวทางในกระทรวงวัฒนธรรมนั้น จะเข้าไปดูในกระบวนการต่าง ๆ เพื่อหาทางผลักดันเพิ่มเติม เนื่องจากวัฒนธรรมไทยยังมีความน่าสนใจอีกมากและสามารถส่งเสริมควบคู่ไปกับการท่องเที่ยวและกีฬาได้ ส่วนตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมที่มีรายงานว่าจะเว้นว่างไว้นั้น นายกรัฐมนตรีขอให้รอความชัดเจนเมื่อกระบวนการทุกอย่างเสร็จสิ้น
เมื่อถามถึงความกังวลต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการ และได้ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า หากถามว่ากังวลหรือไม่ก็ยอมรับว่ามีความกังวล ส่วนการเตรียมตัวหากผลออกมาเป็นลบนั้น ระบุว่าตอนนี้ขอเน้นเรื่องกระบวนการทำงานก่อน เพราะยังมีภารกิจสำคัญหลายอย่าง เช่น การเจรจาเรื่องกำแพงภาษีกับต่างประเทศ ซึ่งไม่ต้องการให้สะดุด
นอกจากนี้ ต่อผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดที่ระบุว่าคะแนนนิยมนายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทยลดลงนั้น นางสาวแพทองธารกล่าวว่า ผลโพลทุกสำนักถือเป็นประโยชน์ หากผลออกมาดีก็เป็นกำลังใจ แต่หากไม่ดีก็เป็นเครื่องเตือนใจว่าต้องทำงานให้เต็มที่ยิ่งขึ้น และต้องสื่อสารกับประชาชนให้ชัดเจน ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลรับฟังอยู่แล้ว
ส่วนกรณีการชุมนุมเมื่อวันที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า ขอให้เป็นการแสดงออกที่อยู่ในกรอบของกฎหมายและเป็นไปตามแนวทางสันติวิธี ซึ่งถือเป็นสิทธิเสรีภาพ และเมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่าจำนวนผู้ชุมนุมจะทำให้เสียสมาธิในการทำงาน ก็ได้ตอบว่าตนเองเลือกที่จะโฟกัสเป็นเรื่อง ๆ ไป และภารกิจที่รับผิดชอบอยู่ไม่สามารถรอได้ จึงต้องมุ่งมั่นทำงานทุกเรื่องให้สำเร็จและต่อเนื่อง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง