สว.สำรอง ให้กำลังใจ DSI ลุยคดีอั้งยี่ฟอกเงิน อ้างกว่า 138 รายตั้งผู้ช่วยฯ ทั้งที่ไม่รู้จักกัน
คณะสว. สำรอง ให้กำลังใจ DSI ลุยสุดซอยคดีอั้งยี่ฟอกเงิน พร้อมมั่นใจ 229 ราย ที่ถูกมติคณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวน ดำเนินคดีฮั้ว สว. อาจมีความผิดในคดีอั้งยี่-ฟอกเงินของดีเอสไอด้วยโยงพฤติการณ์กลุ่มต่างตอบแทน สมัยเป็นโหวตเตอร์ระดับอำเภอ จังหวัด ประเทศ อาจมีมากกว่า 1,000 ราย
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 22 กรกฎาคม ที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ถนนแจ้งวัฒนะ คณะ สว.สำรอง นำโดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว พร้อมด้วยเพื่อนสมาชิก ร่วมกันเดินทางเข้ามอบช่อดอกไม้ให้กำลังใจ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 24/2568 กรณีความผิดฐานฟอกเงินของบุคคลหรือคณะบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) รวมถึงผู้ที่เป็นสมาชิกอั้งยี่และผู้สนับสนุน หรือคดีอั้งยี่-ฟอกเงิน สว. ในการปฏิบัติหน้าที่สอบสวนคดีและดำเนินคดีให้สุดทาง โดยมี พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค ในฐานะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นผู้แทนรับมอบ
พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า สำหรับกรณีที่ดีเอสไอเตรียมออกหมายเรียกพยานเชิญกลุ่มบุคคลที่เป็นผู้ช่วย ผู้เชี่ยวชาญ และที่ปรึกษาของสมาชิกวุฒิสภาในการสอบปากคำเรื่องเส้นทางการเงินนั้น ทางคณะ สว.สำรอง ก็มีข้อมูลในส่วนนี้บ้าง เพราะจากที่ตนทราบข้อมูล สว.ตัวจริง ทั้ง 138 ราย ได้มีการแต่งตั้งผู้เชี่ยวชาญ ผู้ช่วย ที่ปรึกษาประจำตัว รายละ 8 ราย
นอกจากนี้ ทราบว่าทางบรรดา สว.ตัวจริง ไม่ได้รับรู้รับทราบ และไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวกับผู้ช่วยเหล่านี้ ส่วนใหญ่แล้วจะถูกบริหารจัดการมาจากกลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลัง ที่จะมีการไปมอบหมาย นาย ก. นาย ข. ซึ่งตามข้อมูลที่พวกเราทราบนั้นส่วนหนึ่งก็เป็นบุคคลที่อาจเกี่ยวเนื่องหรือสนับสนุนกันมาตั้งแต่การเลือกในระดับอำเภอ จังหวัด ประเทศ หรือที่มาเป็นโหวตเตอร์ให้แก่กัน ดังนั้น บุคคลเหล่านี้ก็จะต้องมีการตอบแทนกันด้วยการแต่งตั้งให้มาเป็นผู้ช่วยของ สว. ในภายหลัง อย่างไรก็ดี บางคนเมื่อได้มาเป็นผู้ช่วยแล้ว และเมื่อมีเรื่องของค่าตอบแทน บางคนก็ต้องเอาเงินค่าตอบแทนรายเดือนส่งคืนไปยังส่วนกลาง ส่วนว่าส่วนกลางจะนำไปบริหารจัดการอย่างไร ก็เป็นเรื่องที่ดีเอสไอต้องไปสอบสวนต่อไป
พล.ต.ท.คำรบ กล่าวอีกว่า หากนำข้อมูลมาต่อจิ๊กซอว์กันเป็นภาพจะเห็นได้ว่ามันเป็นเรื่องของการต่างตอบแทนผลประโยชน์ เป็นขบวนการกันมา ดังนั้น คำว่าฐานความผิดอั้งยี่จึงไม่ใช่เรื่องเกินเลย เพราะมันปรากฏมาตั้งแต่บุคคลเหล่านี้ได้มีการติดต่อกันประสานงานกันแบบลับ ๆ ตั้งแต่ต้นและเป็นขั้นเป็นตอนกันมาตลอดตั้งแต่ระดับอำเภอ จังหวัด มาจนถึงระดับประเทศ และอย่างที่พวกเราเห็นในเรื่องของโพยที่มีการออกมาในช่วงสุดท้ายที่ กกต. อ้างว่ามีโพยไม่ผิด แต่โพยเหล่านี้คือคำสั่งปฏิบัติการให้คนเหล่านี้ที่ทำงานกันมา แบ่งงานกันทำในช่วงเลือกระดับประเทศที่เมืองทองธานี โดยมีชุดผู้สมัคร สว.ในกลุ่มนี้ทั้งหมด 1,157 คน ใน 2,998 คน ที่มารายงานตัววันเลือกรอบประเทศ ฉะนั้น ใน 1,000 กว่าคนนี้ จึงต้องมีโพยไปสั่งทำอะไรบ้าง โดยที่เจ้าตัวไม่ต้องรู้จักใครเลย และเมื่อบุคคลเหล่านี้ได้รับการเลือกให้เข้าไปเป็นสมาชิกวุฒิสภา เมื่อมาถึงการลงคะแนนในเรื่องต่าง ๆ เราจะเห็นว่ามันเป็นกลุ่มก้อนคะแนน 140-150 ในการโหวตแต่ละครั้ง ซึ่งถ้าดีเอสไอสามารถไปเอารายละเอียดการลงคะแนนจากสำนักงานวุฒิสภาได้ มันจะทำให้เห็นว่าในการลงโหวตแต่ละครั้ง มีใครบ้าง จึงเชื่อว่า 138 รายที่ถูกคณะที่ 26 กล่าวหา จะมีการลงคะแนนเป็นกลุ่มก้อนในหลาย ๆ ครั้ง แม้กระทั่งในวันนี้ที่จะต้องมีการเลือกองค์กรอิสระ 3 ราย จะเห็นว่ามันมีการทำเป็นขบวนการ และเห็นถึงความสัมพันธ์กับพรรคการเมือง และโยงไปถึงการขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 113 ที่ระบุว่า สมาชิกวุฒิสภาต้องไม่ฝักใฝ่หรือยอมตนอยู่ใต้อาณัติของพรรคการเมืองใด ๆ ซึ่งตนมองว่าเป็นการกระทำที่เลวร้าย มายึดเอาอำนาจนิติบัญญัติ และไม่เป็นไปตามประชาธิปไตย และเป็นการบ่อนทำลายระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
พล.ต.ท.คำรบ กล่าวอีกว่า ตนยังมองว่าจำนวนของคนเป็นผู้ช่วย ที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญของสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งดีเอสไอจะต้องเชิญมาสอบปากคำนั้น หากมองว่า สว. 1 ราย สามารถแต่งตั้งผู้ช่วยได้ 8 ราย คูณกันแล้วก็ 1,000 กว่าคน แต่มันก็อาจมีมากกว่านั้นได้ เพราะบางคนแต่งตั้งมาสองรอบ เพราะรอบแรกได้ปลดไปก่อน และตนเชื่อว่ารอบแรกคือบุคคลที่อยู่ในเครือข่ายกันมา เป็นโหวตเตอร์ให้กัน ตนจึงมองว่าคนที่อยู่ในการแต่งตั้งครั้งแรกของสมาชิกวุฒิสภา ที่ให้มาเป็นผู้ช่วยหรือที่ปรึกษานั้น ทางดีเอสไอจะต้องเชิญมาให้ข้อมูล เว้นแต่พวกรอบหลัง ที่อาจจะเป็นการแต่งตั้งโดยไม่เกี่ยวข้องกับการเลือกมาของคณะบุคคล ส่วนสำหรับข้อกล่าวหาอั้งยี่ ถือเป็นข้อกล่าวหาที่กว้างกว่ากฎหมายการเลือกตั้งของ กกต. เนื่องด้วยการกระทำอั้งยี่ คือ การกระทำตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยร่วมกันทำผิดกฎหมาย
ดังนั้น ในส่วนของผู้ที่ถูกคณะที่ 26 ดำเนินคดีทั้ง 229 รายนั้น ตนเชื่อว่าพฤติการณ์ของพวกเขาเข้าข่ายเป็นการอั้งยี่ทั้งหมด แต่นอกจาก 229 รายนี้ มันก็ต้องมีคนนอกที่อาจจะเกี่ยวข้อง แม้ไม่เกี่ยวกับการเลือกตั้งโดยตรง แต่อาจจะมีบทบาทเป็นคนเจ้ากี้เจ้าการ เป็นคนจัดหาคนมาลงสมัครรับเลือก สว. เป็นคนประสานงาน หรือเป็นคนที่รับเงิน-จ่ายเงินภายหลังจากที่เป็น สว. แล้ว หรือแม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญประจำตัวสมาชิกวุฒิสภา ก็มีสิทธิ์ถูกพิจารณาดำเนินคดีข้อกล่าวหาอั้งยี่ได้ ทั้งนี้ ตนเชื่อว่าหากดีเอสไอมีพยานหลักฐานเพียงพอถึงผู้ใด ก็จะต้องมีการเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาตามขั้นตอน เชื่อว่าดีเอสไอมีความรวดเร็วในการดำเนินการ เราจึงต้องเฝ้าดูการทำงานของทั้ง กกต. และดีเอสไอ ว่าหน่วยงานใดจะมีความคืบหน้ามากกว่ากัน เพราะก็อยู่ในระหว่างกระบวนการทำงานด้วยกันทั้งคู่
ด้าน พ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่า ในนามของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ขอขอบคุณที่ทุกท่านได้ส่งดอกไม้ให้กำลังใจ โดยวันนี้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ตนมารับมอบแทน พร้อมยืนยันว่าในการทำหน้าที่ของดีเอสไอเป็นไปตามข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : สว.สำรอง ให้กำลังใจ DSI ลุยคดีอั้งยี่ฟอกเงิน อ้างกว่า 138 รายตั้งผู้ช่วยฯ ทั้งที่ไม่รู้จักกัน
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th