“ครูปรีชา” ชี้คำพูด “โน้ส อุดม” ทำเสียชื่อเสียง โดยเฉพาะคำว่าตอแหล
ครูปรีชา ชี้คำพูด โน้ส อุดม ทำเสียชื่อเสียง โดยเฉพาะคำว่าตอแหลและแถไถ ช่วงนั้นตนกำลังรับราชการอยู่ ยันเพิ่งเคยดูคลิปครั้งแรก
จากกรณีที่ โน้ส อุดม แต้พานิช ดาราตลกชื่อดังได้เดินทางไปที่ สถานีตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรี เพื่อมารับทราบข้อกล่าวหา จากกรณีที่ ครูปรีชา ใคร่ครวญ ได้แจ้งความร้องทุกข์ ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เมื่อช่วงเดือนมิถุนายน 68 ที่ผ่านมา
สืบเนื่องจาก ครูปรีชาระบุว่ามีบุคคลส่งคลิปวีดีโอ ของอุดม แต้พานิช มาให้ดู เป็นวิดีโอเมื่อปี 61 ในการแสดง “เดี่ยว 12” เมื่อ 7 ปีที่แล้ว ทำให้เพิ่งทราบ จากข้อความที่ว่า … “ผลงานโดดเด่นของกระทรวงศึกษา ยกให้ครูปรีชา สร้างแรงบันดาลใจ จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ นี่มันหวยของครู หมวดจรูญนั้นไม่ใช่ ถ้า …ได้ขนาดนั้น นี่ต้องมั่นมากก เพราะความจริงมันพูดยากมากกว่าแถไถ ไม่ต้องห่วง ครูยังมีผมอยู่ข้างๆ แต่ว่า ผมครูตรงกลางนี่มันหายไปไหน” ตามที่มีรายงานก่อนหน้านี้นั้น
ล่าสุดผู้สื่อข่าวในพื้นที่ได้คุยกับครูปรีชา ว่า ในเรื่องนี้ตนได้เดินทางไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรี ตั้งแต่เมื่อช่วงประมาณวันที่ 15 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา เนื่องจากมีเพื่อนได้ส่งคลิป เดี่ยวไมโครโฟนของ โน้ส อุดม มาให้ตนดู พร้อมบอกว่ามีข้อความหลายอย่างที่สร้างความเสียหายให้กับตน
ซึ่งเมื่อตอนเปิดดูก็พบว่ามีหลายข้อความที่สร้างความเสียหายให้กับตนเองจริง ถึงได้เดินทางไปปรึกษาพนักงานสอบสวน และพนักงานสอบสวนก็ลงความเห็นว่ามีคำพูดที่เข้าข่ายหมิ่นประมาท ตนจึงได้ตัดสินใจแจ้งความกับพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรี ตั้งแต่เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568 กระทั่ง วันที่ 19 สิงหาคม ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนจึงได้แจ้งมาว่า โน้ส อุดม ได้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาเรียบร้อยแล้ว
เรื่องนี้ ตนยืนยันว่า ก่อนหน้านี้ไม่เคยดูคลิปเดี่ยวไมโครโฟนที่มีเนื้อหาพูดถึงตนเองมาก่อน กระทั่งเพื่อนส่งมาให้ดู และพบว่า การพูดของ โน้ส อุดม สร้างความเสียหายและเสื่อมเสียชื่อเสียงให้กับตนเอง โดยเฉพาะคำว่าตอแหล และแถไถ ซึ่งในช่วงที่มีการเดี่ยวไมโครโฟนออกแสดง ประมาณปี 2561 นั้น เป็นช่วงที่ตนเองกำลังรับราชการครูอยู่ การพูดในเดี่ยวไมโครโฟนดังกล่าว สร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียงให้กับตนเองเป็นอย่างมาก อีกทั้ง เดี่ยวไมโครโฟน ยังเป็นการแสดงที่ขายบัตรเก็บเงินคนดู การเอาเรื่องส่วนตัวของตนไปพูด เพื่อหารายได้เช่นนี้จึงเป็นเรื่องไม่เหมาะสม ตนจึงตัดสินใจแจ้งความดำเนินคดีดังกล่าว ซึ่งจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้มีการพูดคุยใด ๆ กับทางฝ่ายคู่กรณี หากคู่กรณีติดต่อมา ก็ต้องดูว่าจะสามารถพูดคุยกันได้หรือไม่ แต่ตอนนี้ยืนยันที่จะฟ้องร้องดำเนินคดีไปตามกฎหมายก่อน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง