"ไอติม" ท้า "ภูมิธรรม" อีกรอบ ยุบสภาฯได้เลย จี้ตอบให้ชัด "อัศวินขี่ม้าขาว" คือใคร หลัง "ชัยเกษม" โพล่งช่วงเช้า ถามเป็น "ลุงตู่" หรือไม่
วันที่ 2 ก.ย. 2568 ที่ทำการพรรคประชาชน นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม สส.พรรคประชาชน ประจำสัปดาห์ ถึงกรณีที่เมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้มีการเปิดให้สมาชิกพรรคประชาชนได้แสดงความคิดเห็นในการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ขณะนี้ มีฟีดแบ็กเป็นอย่างไรบ้าง ว่า อย่างที่หลายคนทราบว่า ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนที่พรรคประชาชนกำลังดำำเนินการรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วน
โดยเมื่อวานนี้ เป็นนัดแรกของการ ประชุม.สส.พรรคประชาชน ซึ่งก็มีการพูดคุยกับทีมเครือข่ายในพื้นที่ รวมถึงพนักงานพรรค ก่อนจะมีการดำเนินการเปิดให้สมาชิกพรรคประมาณหนึ่งแสนคนทั่วประเทศ สามารถแสดงความคิดเห็นต่อสถานการณ์นี้เข้ามาได้ ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ ซึ่งล่าสุดที่เช็ค มีจำนวนสมาชิกที่ตอบเข้ามาเกินหนึ่งหมื่นคนไปแล้ว หรือ ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์
นายพริษฐ์ ย้ำว่า นอกเหนือจากสมาชิกพรรคแล้ว ประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค เราก็ไม่ได้ละเลยความคิดเห็น แต่ติดตามในช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ ตลอด พร้อมยืนยันตามจุดยืนของพรรคประชาชน เพราะมองว่าสิ่งที่เป็นทางออกของประเทศ คือการยุบสภา และมีการเลือกตั้งใหม่โดยเร็ว
ฉะนั้น หากพรรคเพื่อไทยจะใช้อำนาจที่มี ก็ดำเนินการเลย เพราะถ้าพรรคเพื่อไทยไม่ทำ พรรคประชาชนจึงจะจำเป็นต้องใช้กระบวนการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เพื่อทำให้เกิดกระบวนการเดินหน้าสู่การเลือกตั้งโดยเร็วที่สุด
เมื่อถามถึงกรณีที่นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ระบุ ยังไม่ได้รับการติดต่อจากพรรคเพื่อไทย รวมถึงอาจจะมีอัศวินขี่ม้าขาว มองว่าเป็นใคร นายพริษฐ์ กล่าวว่า เดี๋ยวต้องกลับไปดู แต่ย้ำว่า อำนาจอยู่ในมือ นายภูมิธรรม เวชยชัย ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี ที่ต้องตอบใช้ชัด ว่ากรณีที่มีการพูดเรื่องยุบสภานั้น นายภูมิธรรมหมายถึงจะทำเลย หรือว่ารอให้มีการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ก่อน ขณะที่เมื่อเช้านี้ นายภูมิธรรม ก็บอกต้องรอให้พรรคประชาชนตัดสินใจก่อน ว่าจะไปทางไหน หรือจะเลือกใครเป็นนายกรัฐมนตรี
นายพริษฐ์ กล่าวว่า หากมองการให้สัมภาษณ์ของนายภูมิธรรม แสดงว่าไม่ได้เอาประเทศเป็นตัวตั้ง ซึ่งประชาชนมีสิทธิ์ตั้งคำถามได้ว่า สุดท้ายแล้วคุณกำลังเอาอำนาจของตัวเองเป็นตัวตั้ง รอจนวินาทีสุดท้าย ที่ตัวเองไม่มีอำนาจ จึงจะมาพิจารณาเรื่องยุบสภา
ส่วนเรื่องอัศวินขี่ม้าขาว ก็ทำให้สร้างความสับสนเหมือนกัน เพราะพรรคเพื่อไทยที่เราเข้าใจมาตลอดว่า 2 คน ที่มีการเสนอตัว คือนายชัยเกษม และนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ดังนั้น หากมีคนอื่นเข้ามาด้วย ก็ต้องตอบให้ชัดว่าคือใคร หมายถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี ในฐานะเครดิตนายกรัฐมนตรี หรือไม่ หรือหมายถึงการใช้กลไกนอกระบอบประชาธิปไตยไปเลย ซึ่งจะทำให้นายกรัฐมนตรีคนนอกเข้ามา ซึ่งพรรคเพื่อไทยต้องรีบชี้แจง
อีกหนึ่งประเด็นคือ ในการพูดคุยพรรคเพื่อไทยทางการวันนั้น เรามีการคุยรายละเอียดหลายอย่าง เพื่อเช็คว่าพรรคเพื่อไทยเข้าใจเงื่อนไข พรรคประชาชนจริงๆ หรือไม่ ซึ่งตนก็มีถามไปว่านายชัยเกษมไม่อยู่ในห้อง แต่พรรคเพื่อไทยตอบว่านายชัยเกษมเห็นตรงกับจุดยืนพรรคเพื่อไทยทั้งหมดแม้ไม่ได้มา แต่เมื่อฟังที่นายชัยเกษมพูดวันนี้ กลับไม่ตรงกัน
สำหรับการดำเนินการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เพื่อให้เข้ามายุบสภา ถือว่าเป็นการส่งสัญญาณอะไรหรือไม่ หรือแปลว่าพรรคมีการตัดสินใจไปแล้วใช่หรือไม่ นายพริษฐ์ ยืนยันว่า ไม่ใช่ พร้อมย้ำจุดยืนเดิมว่า เราต้องการเห็นการเลือกตั้งใหม่โดยเร็ว แต่หากไม่ยุบสภา ถึงจะจำเป็นต้องใช้กระบวนการนั้น
เมื่อถามถึงกระบวนการที่อาจทำให้การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ยืดเยื้อออกไป ทั้งเรื่องการโปรดเกล้าฯ ตุลาการ รวมถึงการกำหนดวันโหวต นายพริษฐ์ กล่าวว่า เรื่องศาลคิดว่าอย่างไร ก็ต้องรอการชี้แจงของศาลน่าจะดีที่สุด แต่ในเบื้องต้น เข้าใจว่า มีข้อกฎหมายที่เขียนเอาไว้ว่า ทางตุลาการที่ดำรงตำแหน่งต้องทำหน้าที่ต่อไป จนกว่าตุลาการคนใหม่จะมีการเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งเข้าใจว่าหากเป็นจริงตามนี้ คงไม่ใช่เรื่องที่จะทำให้กระบวนการมีข้อกังวล
เมื่อถามถึงการให้สัมภาษณ์ของนายชัยเกษม ที่มีการวิเคราะห์ว่า อาจจะพูดเพื่อสื่อว่าพรรคเพื่อไทยมีขั้วการเมืองภายในพรรค จึงทำให้ไม่มีเสถียรภาพเพียงพอ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ขั้วการเมืองตรงนั้น ตนคงตอบแทนไม่ได้ แต่เข้าใจว่าสื่อมวลชนคงไปถามพรรคเพื่อไทย
สำหรับกรณีที่นายชัยเกษม ระบุ ไม่ได้กระเหี้ยนกระหือรือ แปลว่าพรรคเพื่อไทยไม่มีตัวแสดงที่จะพร้อมรับบทบาทผู้นำใช่หรือไม่ นายพริษฐ์ มองว่า หากดูมาตามข้อเท็จจริง แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยมีอยู่ 3 คน มี 2 คนที่พ้นจากตำแหน่งแล้ว ดังนั้น โดยธรรมชาติคำถามนี้จึงไม่ควรเป็นคำถามตั้งแต่ต้น การที่เป็นคำถามได้ จะต้องออกมาจากอะไรบางอย่าง ซึ่งต้องให้พรรคเพื่อไทยให้ความกระจ่าง
แต่มุมของพรรคประชาชน เราได้รับการยืนยันจากตัวแทนพรรคเพื่อไทย ว่าจะส่งชื่อนายชัยเกษมเท่านั้น และเห็นด้วยกับเงื่อนไขทั้ง 3 ข้อ ถ้าจะเอาคำตอบของนายชัยเกษมเองที่พูดว่า ไม่ว่าพรรคจะว่าอย่างไร ตัวเขาเองในฐานะผู้เสนอตัวเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ต้องมากลั่นกรองและความเข้าใจอีกทีหนึ่ง
ส่วนคาดว่าจะได้ข้อสรุปโดยเร็วเมื่อไหร่ เนื่องจากมีแนวโน้มอาจโหวตไม่ทันในสัปดาห์นี้ นายพริษฐ์ ย้ำว่า ทุกอย่างไม่ได้จบในที่ประชุม สส. เพราะเราต้องฟังหลายภาคส่วน อย่างไรวันนี้ ก็คงได้ฟังความเห็นจาก สส.อย่างเต็มที่ ซึ่งก็ต้องประกอบกับในสายอื่นๆ ด้วย
สำหรับกรอบเวลาตัดสินใจ เนื่องจากเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ระบุ ต้องรอวิปสองฝ่ายคุยกัน นายพริษฐ์ เข้าใจดีว่า กระบวนการทุกอย่างต้องดำเนินการต่อไปตามขั้นตอนทางกฎหมาย อย่างไรพรรคประชาชนก็ไม่ได้เป็นฝ่ายที่ทำให้กระบวนการล่าช้ากว่าที่กำหนด แต่แน่นอนว่า เราต้องตัดสินใจอย่างรอบคอบ เพราะเป็นการตัดสินใจที่สำคัญต่ออนาคตประเทศ ดังนั้น ในขั้นตอนที่เราวางไว้ ก็ต้องได้รับความชัดเจนจากรักษาการนายกรัฐมนตรีโดยเร็ว ว่าเจตนาจริงๆ คืออะไร
ส่วนการรอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 10 ก.ย.เรื่องการทำประชามติ นั้น เป็นเพียงตัวแปรหนึ่ง ซึ่งจะเห็นภาพชัดมากขึ้นถึงกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ขณะที่กระแสข่าวว่า สส.ภายในพรรค เอนเอียงไปเลือกพรรคภูมิใจไทย เพื่อให้ช่วยคดี 44 สส. นายพริษฐ์ ยืนยันว่า ณ เวลานี้ ยังไม่มีข้อสรุปในทางใด ซึ่งเราตั้งใจใช้ที่ประชุมวันนี้ และช่องผ่านความเข็นอย่างเต็มที่ และหัวหน้าพรรค ก็ได้ยืนยันไปแล้วว่า ไม่เกี่ยวข้องกับคดีแน่นอน
สำหรับกระแสข่าว มี สส.แสดงจุดยืนจะลาออก หากพรรคเลือกพรรคภูมิใจไทย นายพริษฐ์ ย้ำว่า พวกเราเคารพความเห็นที่แตกต่างของทุกฝ่าย เราเข้าใจดีว่าเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่น่าหนักใจ และสมาชิกหนึ่งหมื่นกว่าคนที่เข้ามาแสดงความเห็น ก็น่าจะเข้าใจกระบวนการนี้ด้วยตัวเอง ย้ำว่า แม้มีความเห็นแตกต่าง แต่เราเคารพซึ่งกันและกัน ก็เข้าใจความหนักใจของทุกคน ยืนยันว่า เราเดินหน้าอย่างมีเอกภาพ
สำหรับกรณีที่นายสหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี ระบุไม่สามารถเห็นชอบให้รัฐมนตรี ที่ตัวเองได้อภิปรายเรื่องคดีค้ามนุษย์ กลับกระทรวงแรงงานได้อย่างแน่นอน นายพริษฐ์ กล่าวว่า เป็นความเห็นส่วนตัวของ สส. หากพูดในเชิงหลักการ เราก็ต้องย้ำกลับมาที่เงื่อนไขข้อสาม คือจะทำหน้าที่ฝ่ายค้านเต็มตัว ซึ่งก็ต้องยืนยันว่า การทำหน้าที่สายค้านนั้ เราจะตรวจสอบรัฐบาลเสียงข้างน้อยอย่างเต็มที่ ดังนั้น หากมีการกระทำโดยใครในรัฐบาล ไม่ว่าจะนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีที่ชื่ออะไร ในการใช้อำนาจมิชอบ แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม เราก็พร้อมใช้กลไกในการตรวจสอบ รวมถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย
เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่าพรรคไม่ได้ควบคุมเรื่องการใช้โซเชียลมีเดียของ สส.ในการแสดงความเห็นใช่หรือไม่ นายพริษฐ์ ระบุว่า ท้ายที่สุด สส.ก็ทำหน้าที่ในฐานะผู้แทนราษฎร ซึ่งย่อมมีเสรีภาพในการแสดงออก
เมื่อถามว่าจุดตัดระหว่างความเห็น สส.กับ ประชาชน จะให้น้ำหนักอะไรมากกว่า นายพริษฐ์ ย้ำว่า เป็นหน้าที่ของกรรมการบริหารพรรค ที่จะต้องตัดสินใจ จากการนำทุกความเห็น เพื่อให้ได้ข้อสรุปจากทุกฝ่าย เพราะคงไม่ใช่แค่เชิงปริมาณอย่างเดียว แต่ต้องดูเรื่องเหตุและผลด้วย
ส่วนพรรคประชาชนจะมีการเสนออะไรในที่ประชุมวิปสองฝ่ายหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า เรื่องวันบทเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ต้องมีการหารือร่วมกันอยู่แล้ว คงไม่ได้เป็นสิ่งที่พรรคประชาชนจะกำหนดด้วยตัวเอง
อย่างไรก็ตาม การที่นายภูมิธรรมให้ความเห็นออกมาเรื่องการยุบสภา แสดงว่าเขาต้องประเมินเรื่องข้อกฎหมาย และความเสี่ยงเรียบร้อยแล้ว ว่าในมุมของเขาทำได้ แต่ปัญหาคือ เขาจะทำหรือไม่
เมื่อถามว่าจะต้องมีการทำข้อตกลงกับพรรคเพื่อไทยเหมือนที่ทำกับพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ นายพริษฐ์ มองว่า เป็นอีกขั้นตอนหนึ่ง ถ้าจะถึงขั้นตอนนั้น เราก็ต้องให้เงื่อนไขทั้ง 3 ข้อของเราได้รับการตอบสนองอย่างชัดเจน