SAPPE ยันภาษีทรัมป์ไม่กระทบ งัดScenario Planning สู้ปัจจัยลบ
ผู้จัดการรายวัน 360- ‘บมจ. เซ็ปเป้’ หรือ SAPPE รายงานผลประกอบการไตรมาส 2/2568 โชว์รายได้จากการขาย 1,548 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.5% และทำกำไรสุทธิ 248 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.9% QoQ ผลจากการฟื้นตัวของคำสั่งซื้อในตลาดต่างประเทศและความสำเร็จของ Mogu Mogu Global Campaign ในชื่อ “Life’s too Short, You Gotta Chew” ผนวกกับกลยุทธ์การตลาดที่ประสบความสำเร็จในประเทศ เดินหน้าวางแผนรับมือความท้าทายจากปัจจัยภายนอก พร้อมรุกขยายตลาดและออกผลิตภัณฑ์ใหม่ต่อเนื่อง
นางสาวปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2568 (เมษายน-มิถุนายน) บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 1,548 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ที่มีรายได้จากการขาย 1,142 ล้านบาท และทำกำไรสุทธิ 248 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.9% QoQ ที่มีกำไรสุทธิ 224 ล้านบาท ตามการเติบโตของตลาดต่างประเทศในทุกภูมิภาค
ประกอบกับสามารถแก้ไขปัญหาคงค้างด้านสต็อกสินค้าในยุโรป ตะวันออกกลาง และอินโดนีเซียได้แล้ว ทำให้คำสั่งซื้อกลับมาเป็นปกติในไตรมาสนี้ โดยรายได้จากการขายต่างประเทศ 1,105 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48% QoQ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้วางแผนรองรับในการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอย่างมีประสิทธิภาพ ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนและสงครามการค้าที่ยังคงดำเนินอยู่
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SAPPE กล่าวเพิ่มว่า การดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง 2568 มีแนวโน้มทรงตัวจากปัจจัยภายนอก เช่น ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ยังคงสร้างความไม่แน่นอน และมาตรการภาษีที่เรียกเก็บตอบโต้ทางการค้า (Reciprocal Tariff) ของสหรัฐอเมริกาในอัตรา 19% ที่กำหนดใช้กับประเทศไทย ทั้งนี้ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อบริษัทฯ อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากสัดส่วนการส่งออกไปยังสหรัฐฯ คิดเป็นไม่เกิน 5% ของรายได้รวม
อย่างไรก็ตาม เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับทุกสถานการณ์ บริษัทฯ ได้วางแผนกลยุทธ์แบบ Scenario Planning ให้สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลง โดยยังคงมุ่งมั่นขยายโอกาสในตลาดที่มีศักยภาพอื่นๆ ต่อไป
ขณะที่การเปิดตัว Global Campaign ใหม่ของ Mogu Mogu ในชื่อ “Life’s too Short, You Gotta Chew” สามารถเจาะกลุ่ม Gen Z อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านภาพยนตร์โฆษณา (TVC) รูปแบบสั้นที่ได้รับกระแสตอบรับอย่างล้นหลาม โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร ด้วยยอดผู้ชมแบบออร์แกนิกผ่าน TikTok กว่า 3 ล้านครั้งภายใน 3 วันหลังเปิดตัว สร้างบทสนทนาและกระแสการมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวางในกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ โดยเฉพาะในแง่ของการเข้าใจและเชื่อมโยงกับคุณค่าที่ Gen Z ให้ความสำคัญ ความสำเร็จของแคมเปญนี้ ได้รับการต่อยอดไปยังตลาดฟิลิปปินส์ ผ่านการเปิดตัวแคมเปญ “You Gotta Earn” Loyalty Program ซึ่งดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภคจำนวนมาก และมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมอย่างคึกคัก
สำหรับตลาดในประเทศ บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 443 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% QoQ ปัจจัยหลักมาจากผลตอบรับที่ดีในการดำเนินกลยุทธ์การตลาดของน้ำผสมวิตามินแบรนด์บลู (B’lue) ที่สามารถสื่อสารเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภค Gen Y และ Gen Z ได้อย่างตรงจุด ขณะที่เพรียวคอฟฟี่ (Preaw Coffee) สามารถเจาะตลาดกลุ่มแมส (Mass Market) และทำยอดขายได้ดีในช่องทาง Traditional Trade ด้วยจุดแข็งด้านราคา ความคุ้มค่า เข้าถึงง่าย โดยบริษัทฯ เดินหน้าทำการสื่อสารการตลาดอย่างมีความรับผิดชอบ ให้ความสำคัญกับการสื่อสารคุณประโยชน์ของสินค้าอย่างตรงไปตรงมา เน้นการให้ข้อมูลด้านสรรพคุณและคุณค่าทางสารอาหารที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค เพื่อสร้างความต้องการซื้อในคุณค่าของสินค้าอย่างแท้จริง
นอกจากนี้ SAPPE ยังวางแผนทยอยออกสินค้าใหม่ที่สอดคล้องกับกระแสนิยมอย่างต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี เพื่อขยายฐานผู้บริโภคให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น และสร้างการรับรู้ (Awareness), การมีส่วนร่วม (Engagement) รวมถึงความภักดีต่อแบรนด์ (Loyalty) ให้แข็งแกร่ง ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าทำการตลาดผ่านช่องทาง Online และ E-Commerce ซึ่งเป็นช่องทางที่มีศักยภาพและมีโอกาสเติบโตสูง เพื่อสนับสนุนเป้าหมายระยะยาวในการก้าวสู่การเป็น Global Brand ในอนาคต
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO