ตร.ล้างลานวัด จับพระนอกรีต ไล่สึก‘154รูป’
ตำรวจเปิดปฏิบัติการ "ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา" ลุยค้น 181 เป้าหมาย จับพระสงฆ์ 154 รูป "รอง ผบ.ตร." ลั่นอาศัยผ้าเหลืองแสวงผลประโยชน์ต้องหมดไป จับมือ พศ. จังหวัดใดมีพระผิดวินัยมากกว่า 3 รูป ย้ายสำนักพุทธจังหวัดทันที
ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., เจ้าหน้าที่จากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), สำนักงานป้องกันและปรามปรามการฟอกเงิน (ปปง.), สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.), สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ร่วมกันแถลงข่าวเปิดปฏิบัติการ "ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา" นำกำลังเข้าตรวจค้นเป้าหมายทั่วประเทศ เพื่อจับกุมพระภิกษุและอดีตพระที่กระทำผิดกฎหมายในคดีต่างๆ เช่น ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ และเกี่ยวข้องกับยาเสพติด รวมถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ
โดยปฏิบัติการครั้งนี้มีเป้าหมายหลักทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็นผู้ที่ยังมีสถานะเป็นพระสงฆ์ 154 รูป และอดีตพระสงฆ์ที่สึกไปแล้ว 27 ราย โดยในกลุ่มพระสงฆ์มีตำแหน่งสูงสุดถึงระดับเจ้าอาวาส
พล.ต.อ.ไกรบุญเปิดเผยว่า ตำรวจสอบสวนกลางเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการทำนุบำรุงศาสนา ต่อมารัฐบาลเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ครอบคลุมทั่วประเทศ นายกรัฐมนตรีจึงออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาจากทุกภาคส่วนราชการ มี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. เป็นประธาน และมีเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท., ปปง., ป.ป.ช., พศ. มาทำงานร่วมกัน จากข้อมูลที่ร่วมประชุมกันมาสัปดาห์ที่แล้วทำให้รู้ว่ามีพระภิกษุที่ประพฤติปฏิบัติตนไม่เหมาะสม มีหมายจับเป็นจำนวนมาก จึงปฏิบัติการกับพระสงฆ์ที่มีหมายจับ 154 เป้าหมาย และเป็นพระภิกษุที่ลาสิกขาไปแล้วอีก 27 เป้าหมาย
โดยได้ทำการจับกุม 136 ราย ส่วนใหญ่รับสารภาพ แต่ยังมีพระภิกษุบางรูปที่ยังไม่ลาขิกขา ยังอยากครองผ้าเหลืองเป็นเครื่องค้ำจุนตนเอง อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้มหาเถรสมาคมได้ออกระเบียบและแก้ไขจากเดิมขั้นตอนระยะเวลาที่จะลาสิกขาพระที่ปฏิบัติผิดพระธรรมวินัยหรือปาราชิกใช้เวลาค่อนข้างนาน แต่ขณะนี้ปรับจาก 3 ปี มาเหลือแค่ 10 วัน เราจะใช้เครื่องมือที่มีอยู่ โดยเฉพาะกฎของมหาเถรสมาคมที่ออกมาใหม่มาบังคับใช้กับพระสงฆ์ที่กระทำความผิด ซึ่งพระที่ถูกจับได้แล้วยังไม่ลาสิกขาจะให้พระชั้นผู้ใหญ่ดำเนินการลาสิกขาให้หมด เข้าสู่กระบวนการดำเนินคดีตามกฎหมาย
"หลังจากวันนี้ยังมีภารกิจต่อเนื่อง ประชุมหารือระดับนโยบาย จัดทำข้อมูลวัด พระภิกษุสงฆ์ สิ่งต่างๆ ที่อยู่ในวัด ไม่ว่าจะเป็นมูลนิธิที่เข้าไปแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ จะเคลียร์ให้หมด ขอส่งสัญญานดังๆ ไปเลยว่าถ้ามีพระนอกรีตที่ยังอาศัยผ้าเหลืองแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม จะกวาดล้างให้หมด" รอง ผบ.ตร.ระบุ
พล.ต.อ.ไกรบุญกล่าวว่า พวกที่มาแสวงหาผลประโยชน์และใช้ผ้าเหลืองในการหลบหนีออกนอกประเทศ ได้เชิญเลขาธิการ ปปง.มาอยู่ในคณะทำงาน ส่งสัญญาณไปแล้วว่าจะไปประเทศไหน กฎหมายฟอกเงินจะตามไป จะหอบเงินหนีไปไหนก็ตาม สามารถนำกลับมาดำเนินคดีและนำทรัพย์สินกลับคืนประเทศชาติได้หมด ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ตกลงกับ พศ.ไว้แล้ว ต่อไปนี้หนึ่งจังหวัดมีพระกระทำผิดวินัยมากกว่า 3 รูป ย้ายสำนักพุทธจังหวัด รูปแบบคล้ายกับตำรวจ มาตรฐานเดียวกัน” รอง ผบ.ตร.กล่าว
ด้าน พล.ต.ท.จิรภพกล่าวว่า การปฏิบัติการครั้งนี้เป็นการทำงานร่วมมือกับหลายหน่วยงานนำข้อมูลมาแชร์กัน คนที่แอบแฝงในผ้าเหลืองเราจะกวาดล้างคนพวกนี้ แต่ยังเน้นส่งเสริมพระที่ดีเหมือนเดิม ถ้าใครมีเบาะแสสามารถส่งข้อมูลมาให้กับเจ้าหน้าที่ได้ มีวิธีการตรวจสอบอย่างเป็นธรรม
นายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการ ป.ป.ท. กล่าวว่า พระที่มีตำแหน่งถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ใครก็ตามที่ทำผิดไม่ว่าจะเป็นกฎสงฆ์ กฎหมาย วัดไม่ใช่ที่อยู่ของพวกท่านอีกต่อไป ที่ผ่านมามีการหลีกหนีเข้าไปใช้วัดเป็นที่พักพิง ใช้ศาสนาเป็นที่พึ่งพิง นอกจากทำผิดกฎหมายแล้วยังทำปาบทำกรรม รีบกลับตัวกลับใจมาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หนึ่งในปฏิบัติการดังกล่าว เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมนายสุรัตน์ ลุงเตี้ย อายุ 45 ปี หรือพระสุรัตน์ พระลูกวัดของวัดหว่านบุญ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ขณะบิณฑบาตในพื้นที่ โดยเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับคดี “ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติเพื่อฟอกเงินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด” หนีมาบวชเป็นพระนานกว่า 10 ปี.