เจาะลึก ‘หุ้นกู้มีประกันทองคำ’ คืออะไร? AURA ชูจุดเด่นหลักทรัพย์ค้ำประกัน 100% นักลงทุนต้องรู้อะไรบ้าง?
สร้างความฮือฮาในวงการหุ้นกู้ไม่น้อย เมื่อ AURA หรือ ออโรร่า ร้านค้าปลีกทองคำเจ้าใหญ่ได้ออกหุ้นกู้ตัวใหม่ ซึ่งทีเด็ดคือมีหลักประกันเป็น ‘ทองคำ’ ถือเป็นประวัติศาสตร์ใหม่ของตลาดทุนไทย
แล้วหุ้นกู้ตัวนี้มีอะไรพิเศษกว่าหุ้นกู้ทั่วไป และถ้าลงทุนจะได้ทองคำแถมหรือไม่? มาหาคำตอบและทำความเข้าใจเรื่องนี้ไปพร้อมกัน
หุ้นกู้มีประกันทองคำ ไม่ใช่เรื่องใหม่
การใช้ทองคำเป็นหลักประกันของหุ้นกู้อาจจะเป็นเรื่องใหม่ แต่หุ้นกู้มีประกันเป็นสิ่งที่มีอยู่แล้ว
หุ้นกู้มีประกัน (Secured Debenture)คือหุ้นกู้ที่บริษัทผู้ออกนำสินทรัพย์ของบริษัทมาเป็นหลักประกันในการชำระหนี้ เช่น ที่ดิน อาคาร หรือเครื่องจักร โดยมูลค่าของสินทรัพย์ที่เป็นหลักประกันต้องไม่น้อยกว่ามูลค่าของหุ้นกู้ที่เสนอขาย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ลงทุน และลดความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้
และหากบริษัทผู้ออกหุ้นกู้มีประกันประสบปัญหาจนไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด ผู้ถือหุ้นกู้มีสิทธิในการเรียกร้องสิทธิเหนือหลักประกันนั้นก่อนเจ้าหนี้รายอื่นๆ โดยกระบวนการเรียกร้องสิทธินี้จะดำเนินการโดยผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวแทนของผู้ลงทุนทั้งหมดในการดูแลหลักประกันและดำเนินการทางกฎหมายเมื่อเกิดการผิดนัดชำระหนี้
โดยครั้งนี้ AURA หรือ บริษัท ออโรร่า ดีไซน์ จำกัด (มหาชน) ออกหุ้นกู้มีประกันครั้งแรก เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน ซึ่งหุ้นกู้นี้มี ทองคำ 96.5% และสินค้าคงเหลืออื่นๆ เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน 100% ของมูลหนี้ทั้งหมด โดยมีมูลค่าหลักประกันรวมถึง 10,560 ล้านบาท ซึ่งครอบคลุมทั้งหนี้จากหุ้นกู้และหนี้ที่มีต่อสถาบันการเงินด้วย
โดยหลักประกันส่วนใหญ่เป็นทองคำ (90%) และจะมีการประเมินมูลค่าแบบระมัดระวัง หากมูลค่าลดลง บริษัทจะเติมหลักประกันเพิ่มทุกไตรมาส แม้ทองคำจะเป็นสินค้าคงคลัง แต่ AURA ยืนยันว่าจะรักษาระดับสินค้าคงคลังขั้นต่ำไว้เสมอเพื่อไม่ให้กระทบการดำเนินธุรกิจ นักลงทุนจึงไม่ต้องกังวลเรื่องมูลค่าหลักประกันที่ลดลง
หุ้นกู้ชุดนี้เป็นประเภทไม่ด้อยสิทธิ มีประกัน อายุ 2 ปี มีอัตราดอกเบี้ย 4.50% ต่อปี และจะจ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน โดยเสนอขายให้กับนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ คาดว่าจะเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 5-7 สิงหาคม 2568
ทำไมหุ้นกู้ต้องมีหลักประกันเป็นทองคำ แล้วซื้อหุ้นกู้จะได้แถมทองคำแถมหรือไม่
การมีทองคำเป็นหลักประกันในหุ้นกู้มีข้อดีหลักๆ คือช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความมั่นคงให้กับการลงทุน เพราะทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าในตัวเองและเป็นที่ยอมรับทั่วโลก
ดังนั้นหากบริษัทผู้ออกหุ้นกู้ประสบปัญหาทางการเงินและไม่สามารถชำระหนี้ได้ มูลค่าของทองคำที่ใช้ค้ำประกันจะสามารถนำมาใช้บรรเทาความเสียหายและเพิ่มโอกาสที่ผู้ถือหุ้นกู้จะได้รับเงินต้นคืนได้
อย่างไรก็ตาม การซื้อหุ้นกู้ที่มีหลักประกันเป็นทองคำไม่ได้หมายความว่าผู้ถือหุ้นกู้จะได้ทองคำมาเป็นเจ้าของ แต่ยังคงสถานะเป็นเจ้าหนี้ที่ได้รับดอกเบี้ยสม่ำเสมอตามที่ตกลงไว้ โดยหลักประกันทองคำจะถูกนำมาใช้ก็ต่อเมื่อบริษัทไม่สามารถชำระหนี้ได้เท่านั้น ทำให้การลงทุนประเภทนี้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการผลตอบแทนที่แน่นอน และยังได้รับความคุ้มครองจากสินทรัพย์ที่มีค่าอย่างทองคำ
หุ้นกู้แต่ละประเภท มีลักษณะเด่นอย่างไร แบบไหนเสี่ยงน้อย
นอกจากหุ้นกู้แบบมีหลักประกัน ก็ยังหุ้นกู้ประเภทอื่น ๆ ซึ่งสามารถแบ่งได้หลายเกณฑ์ ดังนี้:
สิทธิในการรับชำระคืน
หุ้นกู้มีประกัน (Secured Debenture): มีสินทรัพย์ของบริษัทเป็นหลักประกัน เช่น ที่ดิน อาคาร หรือเครื่องจักร หากบริษัทผิดนัดชำระหนี้ ผู้ถือหุ้นกู้มีสิทธิยึดสินทรัพย์ที่เป็นหลักประกันได้ ทำให้มีความเสี่ยงต่ำกว่า
หุ้นกู้ไม่มีประกัน (Unsecured Debenture): ไม่มีสินทรัพย์มาค้ำประกัน ผู้ถือหุ้นกู้จะได้รับชำระหนี้ตามลำดับเจ้าหนี้ทั่วไป
หุ้นกู้ด้อยสิทธิ (Subordinated Debenture): ผู้ถือหุ้นกู้มีสิทธิในการเรียกร้องชำระหนี้เป็นลำดับสุดท้าย รองจากเจ้าหนี้สามัญทั่วไป แต่ยังคงมาก่อนผู้ถือหุ้นสามัญ มักจะให้ผลตอบแทนสูงกว่าหุ้นกู้ทั่วไปเพื่อชดเชยความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น
โดยหุ้นกู้ที่มีความเสี่ยงต่ำที่สุดคือ หุ้นกู้มีประกัน ซึ่งผู้ถือหุ้นมีสิทธิได้รับเงินคืนจากสินทรัพย์นั้นก่อนเจ้าหนี้รายอื่น และหุ้นกู้ที่มีความเสี่ยงสูงที่สุดคือ หุ้นกู้ด้อยสิทธิ ผู้ถือหุ้นกู้ประเภทนี้จะได้รับเงินคืนเป็นลำดับสุดท้ายของกลุ่มเจ้าหนี้ทั้งหมด ซึ่งมักจะมาพร้อมกับผลตอบแทนที่สูงกว่าเพื่อชดเชยความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น
ลักษณะการจ่ายดอกเบี้ย
อัตราดอกเบี้ยคงที่ (Fixed-rate Debenture): จ่ายดอกเบี้ยในอัตราเดิมตลอดอายุของหุ้นกู้
อัตราดอกเบี้ยลอยตัว (Floating-rate Debenture): อัตราดอกเบี้ยจะเปลี่ยนแปลงไปตามอัตราดอกเบี้ยในตลาด
หุ้นกู้ไม่มีการจ่ายดอกเบี้ย (Zero-coupon Debenture): จะไม่มีการจ่ายดอกเบี้ยระหว่างทาง แต่จะขายในราคาต่ำกว่ามูลค่าที่ตราไว้ และจ่ายคืนเงินต้นเต็มจำนวนเมื่อครบกำหนดอายุ ทำให้ผลตอบแทนที่ได้อยู่ในรูปของส่วนต่างราคา
หุ้นกู้อัตราดอกเบี้ยคงที่ จะมีความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ยสูง หากอัตราดอกเบี้ยในตลาดเพิ่มขึ้น มูลค่าของหุ้นกู้จะลดลง ในขณะที่ หุ้นกู้อัตราดอกเบี้ยลอยตัว จะมีความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ยน้อยกว่า แต่ผลตอบแทนที่ได้รับจะไม่แน่นอน ส่วน หุ้นกู้ไม่มีการจ่ายดอกเบี้ย ถือว่ามีความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ยสูงที่สุด เพราะมูลค่าจะผันผวนตามการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยในตลาดมากกว่าหุ้นกู้ประเภทอื่นอย่างชัดเจน
การแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญ
หุ้นกู้แปลงสภาพ (Convertible Debentures): เป็นหุ้นกู้ที่สามารถเปลี่ยนเป็นหุ้นสามัญของบริษัทได้หลังจากครบกำหนดเวลาที่กำหนด ทำให้ผู้ลงทุนได้ทั้งดอกเบี้ยคงที่และโอกาสในการเพิ่มทุนจากราคาหุ้นที่อาจสูงขึ้น
หุ้นกู้ไม่แปลงสภาพ (Non-Convertible Debentures): เป็นตราสารหนี้ที่คงสถานะเป็นหนี้ตลอดอายุสัญญา ให้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยคงที่เป็นประจำ แต่ไม่มีสิทธิ์แปลงเป็นหุ้น เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนที่มั่นคงและรับความเสี่ยงได้ต่ำกว่าหุ้น
การไถ่ถอน
หุ้นกู้ไถ่ถอนได้ (Redeemable Debentures): มีวันครบกำหนดไถ่ถอนที่แน่นอน ทำให้ผู้ลงทุนจะได้รับเงินต้นคืนเมื่อครบกำหนด ถือเป็นการลงทุนที่ปลอดภัย
หุ้นกู้ไถ่ถอนไม่ได้ (Irredeemable Debentures): หรือที่เรียกว่าหุ้นกู้ตลอดชีพ ไม่มีวันครบกำหนดไถ่ถอนที่แน่นอน บริษัทจะคืนเงินต้นให้ก็ต่อเมื่อมีการเลิกกิจการเท่านั้น ให้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง แต่มีความไม่แน่นอนสูง
อยากลงทุน หรือซื้อหุ้นกู้ ต้องทำอย่างไร?
การเลือกซื้อหุ้นกู้ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น:
1. พิจารณาอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating)
ดูว่าหุ้นกู้มีอันดับเครดิตที่จัดโดยสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่น่าเชื่อถือหรือไม่ เช่น TRIS Rating, Fitch Ratings, หรือ Moody’s โดยอันดับเครดิตที่สูง (เช่น AAA, AA, A, BBB) แสดงถึงความสามารถในการชำระหนี้ที่สูง และมีความเสี่ยงต่ำ
2. ศึกษาข้อมูลบริษัทผู้ออกหุ้นกู้
ดูว่าบริษัทมีผลประกอบการที่มั่นคง มีรายได้และกระแสเงินสดสม่ำเสมอหรือไม่ ไม่ควรตัดสินใจลงทุนเพียงเพราะอัตราดอกเบี้ยสูง
3. ทำความเข้าใจเงื่อนไขของหุ้นกู้
อ่านรายละเอียดในหนังสือชี้ชวนให้เข้าใจอย่างถี่ถ้วน เช่น อัตราดอกเบี้ย ประเภทของหุ้นกู้ (มีประกัน/ไม่มีประกัน) และวันครบกำหนดไถ่ถอน
4. เปรียบเทียบกับทางเลือกอื่น ๆ
เปรียบเทียบอัตราผลตอบแทนของหุ้นกู้กับผลตอบแทนจากการลงทุนประเภทอื่นที่มีความเสี่ยงใกล้เคียงกัน เช่น พันธบัตรรัฐบาล หรือกองทุนรวมตราสารหนี้
5. กระจายความเสี่ยง
ไม่ควรลงทุนในหุ้นกู้ทั้งหมดที่ออกโดยบริษัทเดียว หรือในอุตสาหกรรมเดียว ควรกระจายการลงทุนไปยังหุ้นกู้ของบริษัทหลายๆ แห่ง และในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้
ข้อดีและข้อเสียของหุ้นกู้
ข้อดี
- ผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝาก: โดยทั่วไปแล้ว อัตราดอกเบี้ยของหุ้นกู้จะสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารและพันธบัตรรัฐบาล
- สร้างรายได้สม่ำเสมอ: หุ้นกู้ส่วนใหญ่มักจ่ายดอกเบี้ยเป็นงวดๆ ตามที่กำหนด ทำให้ผู้ลงทุนได้รับกระแสเงินสดที่แน่นอน
- ความเสี่ยงต่ำกว่าหุ้นสามัญ: มีความผันผวนของราคาน้อยกว่า และในกรณีที่บริษัทล้มละลาย ผู้ถือหุ้นกู้มีสิทธิได้รับชำระหนี้คืนก่อนผู้ถือหุ้นสามัญ
ข้อเสีย
- ความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้: แม้จะมีความเสี่ยงต่ำกว่าหุ้น แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่บริษัทผู้ออกหุ้นกู้อาจไม่สามารถชำระดอกเบี้ยหรือเงินต้นคืนได้
- ผลตอบแทนตายตัว: ผู้ถือหุ้นกู้จะไม่ได้ผลตอบแทนที่มากขึ้นเมื่อบริษัทเติบโตขึ้น ซึ่งแตกต่างจากผู้ถือหุ้น
- ความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ย: หากลงทุนในหุ้นกู้อัตราดอกเบี้ยคงที่ และอัตราดอกเบี้ยในตลาดเพิ่มสูงขึ้น มูลค่าของหุ้นกู้ที่ถืออยู่จะลดลง
ใครที่เหมาะจะซื้อหุ้นกู้?
หุ้นกู้เหมาะกับนักลงทุนที่มองหาผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝากธนาคาร แต่รับความเสี่ยงได้ต่ำกว่าการลงทุนในหุ้นสามัญ โดยผู้ที่เหมาะจะลงทุนในหุ้นกู้มีลักษณะดังนี้
1.ต้องการรายได้ที่สม่ำเสมอ
หุ้นกู้ส่วนใหญ่มักจ่ายดอกเบี้ยเป็นงวด ๆ ทำให้ผู้ลงทุนได้รับกระแสเงินสดที่แน่นอนและสามารถนำไปวางแผนทางการเงินได้
2. รับความเสี่ยงได้ต่ำ-ปานกลาง
หุ้นกู้มีความผันผวนของราคาน้อยกว่าหุ้น และในกรณีที่บริษัทล้มละลาย ผู้ถือหุ้นกู้มีสิทธิได้รับชำระหนี้คืนก่อนผู้ถือหุ้นสามัญ
3. ต้องการกระจายความเสี่ยง
การมีหุ้นกู้ในพอร์ตจะช่วยลดความผันผวนโดยรวมได้ เนื่องจากราคาหุ้นกู้มักจะไม่สัมพันธ์กับราคาหุ้นในตลาด
4. สามารถถือครองได้จนครบกำหนด
หุ้นกู้มีสภาพคล่องในการซื้อขายในตลาดรองต่ำกว่าหุ้นสามัญ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินก้อนในระยะสั้นและสามารถรอจนกว่าจะได้รับเงินต้นคืนเมื่อครบกำหนดอายุ
ใครที่กำลังสนใจลงทุนอยากให้ศึกษาข้อมูลก่อนซื้อหุ้นกู้ให้รอบคอบ หุ้นกู้ไม่เเหมือนเงินฝาก ที่ปลอดภัย 100% แต่หุ้นกู้เป็น ตราสารหนี้ ที่ความเสี่ยงที่บริษัทผู้ออกจะ ไม่สามารถจ่ายคืนเงินต้นและดอกเบี้ยได้ แม้ว่าหุ้นกู้จะมี อันดับเครดิต สูงหรือมี หลักทรัพย์ค้ำประกัน ก็ยังมีความเสี่ยง ไม่ควรหลงเชื่อผลตอบแทนที่สูงเกินจริงโดยไม่พิจารณาความเสี่ยงประกอบ
ภาพ: Thichaa / Shutterstock
อ้างอิง: