WHART กำไรสุทธิ Q2/68 ที่ 594.10 ล้านบาท โต 48% จ่ายปันผล 0.1930 บาทต่อหน่วย
WHART กำไรสุทธิ Q2/68 ที่ 594.10 ล้านบาท โต 48% จ่ายปันผล 0.1930 บาทต่อหน่วย
#ทันหุ้น #WHART สรุปประเด็นหลัก (Key Takeaways):
กำไรสุทธิเติบโตก้าวกระโดด: กองทรัสต์มีกำไรสุทธิ (การเพิ่มขึ้นของสินทรัพย์สุทธิจากการดำเนินงาน) ในไตรมาส 2/2568 จำนวน 594.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ 48.22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY)
ปัจจัยหลักจากรายการทางบัญชี: การเติบโตของกำไรสุทธิส่วนใหญ่มาจาก ขาดทุนสุทธิจากเงินลงทุนที่ลดลงอย่างมาก โดยไตรมาสนี้มีขาดทุนเพียง 48.86 ล้านบาท เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีขาดทุนสูงกว่ามาก ซึ่งเป็นรายการที่ไม่มีกระแสเงินสดออกไปจริง
รายได้ค่าเช่าเติบโตแข็งแกร่ง: รายได้หลักจากค่าเช่าและบริการคลังสินค้าเพิ่มขึ้น 1.85% (YoY) โดยมีปัจจัยหนุนจาก อัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ย (Occupancy Rate) ที่เพิ่มขึ้นเป็น 86.77% จาก 84.22% ในปีก่อน
รายได้รวมลดลงเล็กน้อย: อย่างไรก็ตาม รายได้รวมของกองทรัสต์อยู่ที่ 862.87 ล้านบาท ปรับตัวลดลงเล็กน้อย 0.54% (YoY) เนื่องจากการสิ้นสุดลงของสัญญาชดเชยค่าเช่าบางสัญญา
ประกาศจ่ายประโยชน์ตอบแทน: กองทรัสต์ประกาศจ่ายประโยชน์ตอบแทนแก่ผู้ถือหน่วยในอัตรา 0.1930 บาทต่อหน่วย สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2568
เจาะลึกผลการดำเนินงาน WHART ไตรมาส 2/2568: กำไรโตเด่นจากรายการพิเศษ
กองทรัสต์ WHART รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2568 ด้วยตัวเลขกำไรสุทธิที่เติบโตอย่างน่าประทับใจถึง 48.22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม เมื่อวิเคราะห์ในรายละเอียดพบว่าการเติบโตดังกล่าวมีปัจจัยสำคัญมาจากรายการพิเศษทางบัญชี ขณะที่ผลการดำเนินงานจากธุรกิจหลักยังคงเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง สะท้อนจากอัตราการเช่าพื้นที่ที่ฟื้นตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
การวิเคราะห์เชิงลึก: รายได้ค่าเช่าฟื้นตัว แต่อัตรากำไรจากการลงทุนสุทธิชะลอตัว
หัวใจสำคัญของผลการดำเนินงานในไตรมาสนี้คือการเติบโตของ รายได้จากค่าเช่าและค่าบริการคลังสินค้า ซึ่งเป็นรายได้หลักของกองทรัสต์ โดยปรับตัวเพิ่มขึ้น 15.26 ล้านบาท หรือ 1.85% (YoY) ปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของ
อัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ย (Average Occupancy Rate) ที่ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 86.77% จากระดับ 84.22% ในไตรมาส 2 ปี 2567 โดยได้รับแรงหนุนจากการเข้ามาของผู้เช่ารายใหม่ โดยเฉพาะในทำเลยุทธศาสตร์อย่างเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และโซนบางนา รวมถึงการรับรู้รายได้เต็มไตรมาสจากทรัพย์สินใหม่ที่เข้าลงทุนซึ่งมีผู้เช่าเต็ม 100%
อย่างไรก็ตาม รายได้รวม ของกองทรัสต์กลับลดลงเล็กน้อย 0.54% (YoY) มาอยู่ที่ 862.87 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการลดลงของรายได้ชดเชยค่าเช่าและบริการจากบางสัญญาที่สิ้นสุดลง ประกอบกับ ค่าใช้จ่ายรวม ที่เพิ่มขึ้น 3.47% (YoY) เป็น 219.91 ล้านบาท จากค่าคอมมิชชั่นในการขายทรัพย์สินและค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงเพื่อรองรับผู้เช่าใหม่ ส่งผลให้ กำไรจากการลงทุนสุทธิ ซึ่งสะท้อนผลการดำเนินงานหลัก ปรับตัวลดลง 1.84% (YoY) มาอยู่ที่ 642.96 ล้านบาท
กำไรสุทธิพุ่ง 48% จากผลขาดทุนเงินลงทุนที่ลดลง
แม้กำไรจากการดำเนินงานหลักจะชะลอตัว แต่ กำไรสุทธิ (การเพิ่มขึ้นของสินทรัพย์สุทธิจากการดำเนินงาน) กลับเติบโตอย่างก้าวกระโดดถึง 48.22% (YoY) มาอยู่ที่ 594.10 ล้านบาท ปัจจัยสำคัญที่อยู่เบื้องหลังคือ ขาดทุนสุทธิจากเงินลงทุน ซึ่งในไตรมาส 2 ปี 2568 มีจำนวนเพียง 48.86 ล้านบาท
ซึ่งเป็นผลขาดทุนจากการขายอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งลดลงอย่างมากถึง 80.78% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีการบันทึกขาดทุนจากเงินลงทุนในระดับที่สูงกว่ามาก การเปลี่ยนแปลงของรายการทางบัญชีที่ไม่มีกระแสเงินสดเกี่ยวข้องนี้ จึงเป็นสาเหตุหลักที่ผลักดันให้กำไรสุทธิในภาพรวมเติบโตอย่างโดดเด่น
การบริหารการเงินและการจ่ายประโยชน์ตอบแทน
ณ สิ้นไตรมาส 2/2568 กองทรัสต์ WHART ยังคงรักษาโครงสร้างทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อมูลค่าสินทรัพย์รวม (LTV) อยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ที่ 28.23% ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา กองทรัสต์ได้ดำเนินการรีไฟแนนซ์หุ้นกู้ 300 ล้านบาท ด้วยเงินกู้ระยะสั้นซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า สะท้อนการบริหารต้นทุนทางการเงินเชิงรุกท่ามกลางแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาลง
จากผลการดำเนินงานดังกล่าว กองทรัสต์ได้ประกาศจ่ายประโยชน์ตอบแทนแก่ผู้ถือหน่วยสำหรับไตรมาส 2 ปี 2568 ในอัตรา 0.1930 บาทต่อหน่วย ประกอบด้วย เงินปันผลจากกำไรสะสมจำนวน 0.1717 บาทต่อหน่วย และการจ่ายคืนทุนในอัตรา 0.0213 บาทต่อหน่วย
กองทรัสต์ WHART รายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2568 ด้วยกำไรสุทธิที่เติบโตอย่างโดดเด่น 48.22% ซึ่งมีแรงขับเคลื่อนหลักมาจากการบันทึกขาดทุนจากเงินลงทุนที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
ในขณะที่ผลการดำเนินงานจากธุรกิจหลักสะท้อนภาพการเติบโตที่มั่นคง โดยมีรายได้ค่าเช่าเพิ่มขึ้น 1.85% จากอานิสงส์ของอัตราการเช่าพื้นที่ที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและฐานผู้เช่าที่มีคุณภาพ กองทรัสต์ได้ประกาศจ่ายประโยชน์ตอบแทน 0.1930 บาทต่อหน่วย ตอกย้ำถึงความสามารถในการสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน