“แก้วสรร” ยก พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง ม.51–52 ค้านเพิกถอนที่ดินเขากระโดง
“แก้วสรร” ยก พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง ม.51–52 ค้านเพิกถอนที่ดินเขากระโดง ชี้ชาวบ้านสุจริตใช้สิทธิ์ปกป้องได้ หากถูกกรมที่ดิน–รฟท.ละเมิด
วันที่ 14 สิงหาคม นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระด้านกฎหมาย และอดีตกรรมการปฏิรูปกฎหมาย แสดงความเห็นต่อกรณีกระทรวงมหาดไทยเตรียมสั่งเพิกถอนโฉนดที่ดินเขากระโดงจำนวน 5,083 ไร่ ในฐานะประชาชนโดยไม่เกี่ยวกับการเมือง ว่า กรมที่ดินไม่มีอำนาจเพิกถอนในภาพรวมได้ เนื่องจากคำตัดสินของศาลฎีกามีผลผูกพันเฉพาะ 35 รายที่เป็นคู่ความในคดีแพ่งระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กับประชาชนเท่านั้น
ก่อนที่กรมที่ดินจะดำเนินการใด ๆ ต้องเปิดโอกาสให้ชี้แจงข้อเท็จจริง ทั้งแผนที่ เอกสาร และหลักฐานที่แต่ละฝ่ายอ้างสิทธิ์ เพราะขณะนี้ยังไม่มีข้อยุติ และต้องพิสูจน์ตามขั้นตอนกฎหมาย ให้ผู้ถือครองที่ดินประมาณ 900 ราย ได้โต้แย้งว่าไม่ใช่ที่ดินของการรถไฟฯ
นายแก้วสรร กล่าวว่า สิทธิของชาวบ้านที่ได้มาโดยสุจริต ภาครัฐไม่เคยให้ความสำคัญ หน่วยงานต่าง ๆ มักดำเนินการในลักษณะของ “ขุนนาง” ที่ไม่คุ้มครองสิทธิประชาชน เพราะ “ไม่เห็นหัวชาวบ้าน”
ดังนั้น หากกรมที่ดินยังไม่ดำเนินการใด ๆ ก็ให้ปล่อยเป็นเพียงการข่มขู่ไปก่อน แต่หากมีคำสั่งเพิกถอนโฉนดของชาวบ้านที่ได้มาโดยสุจริตจริง ประชาชนสามารถใช้สิทธิตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 มาตรา 51 และ 52 เพื่อคุ้มครองสิทธิของตนได้ โดยเฉพาะเมื่อหน่วยงานรัฐไม่สามารถแสดงเหตุจำเป็นในการใช้ที่ดินได้อย่างชัดเจน
นอกจากนี้ ยังอาจมีสิทธิได้รับการเยียวยาความเสียหาย ทั้งในรูปแบบตัวเงินหรือรูปแบบอื่นตามที่กฎหมายกำหนด
นายแก้วสรร กล่าวว่า ที่ผ่านมา การรถไฟฯ ไม่เคยหวงแหนที่ดิน ปล่อยให้ประชาชนเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง แล้วเหตุใดจึงเพิ่งมาหวงกันตอนนี้ ทั้งที่ยังไม่สามารถชี้แจงได้ว่าจะนำที่ดินไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ใด นอกจากอ้างว่าเป็นพื้นที่ของตนเอง
“หากประชาชนได้สิทธิ์มาโดยสุจริต และการรถไฟฯ ไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนในการใช้ที่ดิน กรมที่ดินจะเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ไม่ได้ เพราะไม่เพียงเป็นการละเมิดสิทธิชาวบ้าน ยังบั่นทอนหลักกฎหมาย และทำลายความเชื่อมั่นต่อระบบเอกสารสิทธิ์ที่ดินในประเทศไทย” นายแก้วสรร ระบุ