‘ภูมิธรรม’ สั่งการผู้ว่าฯทั่วประเทศ-กทม. ติดตามสถานการณ์พายุโซนร้อนกำลังแรง ‘คาจิกิ’
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 24 ส.ค. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เปิดเผยถึงสถานการณ์พายุโซนร้อนกำลังแรง "คาจิกิ" ซึ่งกระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามและประเมินร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยพบว่า ขณะนี้ พายุโซนร้อนกำลังแรง "คาจิกิ " บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนอยู่ห่างจากเมืองดองฮอย ประเทศเวียดนาม ประมาณ 570 กิโลเมตร กำลังเคลื่อนตัวทางตะวันตกด้วยความเร็ว 20 กม./ชม. และมีแนวโน้มจะมีกำลังแรงขึ้นได้อีกเมื่อเคลื่อนเข้าสู่อ่าวตังเกี๋ย และจะอ่อนกำลังลงตามลำดับหลังจากเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนบนช่วงวันที่ 25 -26 ส.ค.68
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า จากอิทธิพลพายุดังกล่าวคาดว่า จะทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่กับมีลมแรงบริเวณภาคอีสานตอนบน ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ในช่วงวันที่ 24–27 ส.ค. 2568 อีกทั้ง ตนได้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 76 จังหวัดในฐานะผู้อำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด รวมถึงกรุงเทพมหานครได้ประสานการทำงานและติดตามสถานการณ์ร่วมกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลางอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง
นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า พร้อมทั้งมอบหมายให้ ปภ.ได้ตั้งวอร์รูม ร่วมกับทุกจังหวัด เพื่อประเมินสถานการณ์และหากประเมินแล้วพบว่าสถานการณ์จะทวีความรุนแรงในพื้นที่ใด ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะผู้อำนวยการจังหวัด สั่งการนายอำเภอในฐานะผู้อำนวยการอำเภอ รวมถึงผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในฐานะผู้อำนวยการท้องถิ่น ดำเนินการตามแผนเผชิญเหตุซึ่งได้มีการทบทวนและซักซ้อมอย่างต่อเนื่อง ทั้งการอพยไปยังพื้นที่ปลอดภัย การดูแลอาหารการกิน ปัจจัย 4 สำหรับพื้นที่ที่มักพบกับสถานการณ์น้ำท่วมซ้ำซาก
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ขอให้ได้มีการเตรียมความพร้อมทั้งการขุดลอกและกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ สำหรับพื้นที่ที่มีการติดตั้งป้ายขนาดใหญ่ หรือวัตถุที่มีความสูงตามกฎหมายว่าด้วยอาคาร ให้ประสานกับเจ้าของตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรง หากพบว่ามีโอกาสได้รับผลกระทบและสร้างความเสียหายต่อประชาชน ให้เร่งทำการรื้อถอน
นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า นอกจากนี้หากเกิดฝนตกหนักหรือฝนตกสะสมปริมาณมาก อาจส่งผลกระทบทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ให้ประสานกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ได้สื่อสารสร้างการรับรู้ผ่านหอกระจายข่าวและทุกช่องทางสื่อสารของหมู่บ้านหรือชุมชน เพื่อให้ประชาชนได้รับรู้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้อง และปฏิบัติตนตามคำแนะนำของภาครัฐ รวมทั้งสร้างความรับรู้ระมัดระวังข่าวปลอมที่อาจเกิดขึ้นจากผู้ไม่ประสงค์ดีในพื้นที่ด้วย
"ในส่วนจังหวัดที่มีพื้นที่ติดทะเล ทั้งฝั่งอันดามันและอ่าวไทย ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากพบว่ามีคลื่นสูง ให้ดำเนินการตามแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ทั้งการปักธงสัญลักษณ์ห้ามนักท่องเที่ยวหรือประชาชนเล่นน้ำ การพิจารณาเดินเรือทั้งเรือโดยสาร เรือประมง และหากแนวโน้มสถานการณ์รุนแรง และพบว่าได้มีเรือออกไปจากฝั่งแล้ว ขอให้ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำพาเรือเข้าสู่พื้นที่ปลอดภัย" นายภูมิธรรม กล่าว
นายภูมิธรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงมหาดไทยมีความห่วงใยประชาชน พร้อมทั้งดำเนินการร่วมกับภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนทุกพื้นที่ในการดูแลป้องกันความปลอดภัยจากสาธารณภัยอย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชม. ทั้งนี้ หากประชาชนต้องการติดตามข้อมูลข่าวสารสามารถสอบถามข้อมูลหรือขอรับความช่วยเหลือผ่านสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชม.