รถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสาย ฝันคนเมือง
รถไฟฟ้าหลากสีที่เกิดขึ้นในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ถือเป็นระบบขนส่งมวลชนทางเลือกของคนกรุง ช่วยย่นระยะเวลาเดินทางไปสถานที่ต่างๆ เพราะเส้นทางรถไฟฟ้าแต่ละสายผ่ากลางกรุงผ่านย่านธุรกิจการค้า ย่านออฟฟิศยอดนิยมของกรุงเทพฯ ไม่ว่าจะสาทร – สีลม, อโศก, สุขุมวิท, รัชดา-พระราม 9,อารีย์-พหลโยธิน,ย่านบางนา ฯลฯ แต่ละวันมีผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ รวมถึงแอร์พอร์ต เรล ลิงก์กว่า 1.7 ล้านคนต่อเที่ยว แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ผู้บริโภคส่วนใหญ่โอดครวญค่ารถไฟฟ้าปัจจุบันแพงเกินไปเมื่อเทียบกับค่าครองชีพ แต่ยอมจ่ายเพื่อแลกกับเวลาและความสะดวกสบายมากขึ้น
เมื่อรัฐบาลมีนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสาย จึงตอบโจทย์คนกรุงที่ใช้บริการรถไฟฟ้า เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะอย่างเท่าเทียม ที่ผ่านมา มีคำถามทำได้จริงหรือไม่ ซึ่งกระทรวงคมนาคมออกมาตอกย้ำความพร้อมของมาตรการ "รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย" ซึ่งจะเริ่มเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนอย่างเป็นทางการในวันที่ 25 สิงหาคม 2568 เวลา 00.01 น. เป็นต้นไป มาตรการนี้มุ่งหวังที่จะช่วยลดค่าครองชีพให้กับประชาชน และกระตุ้นให้คนกรุงหันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะกันมากขึ้น เพื่อแก้ปัญหารถติดในเมืองหลวง บรรเทามลพิษจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5
แน่นอนว่า บัตรที่ได้รับการยืนยันการลงทะเบียนจะได้สิทธิโดยอัตโนมัติ เมื่อใช้งานหลังจากเริ่มโครงการตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 ครอบคลุมทั้งโครงข่ายรถไฟฟ้าในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ประกอบไปด้วยรถไฟฟ้าสายสีเขียว,สีทอง,สีเหลือง,สีชมพู,สีน้ำเงิน,สายสีม่วง,สายสีแดง และสายแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ (ARL)
25 ส.ค.นี้ ลงทะเบียนผ่านแอป
นายกฤชนนท์ อัยยปัญญาผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคม ในฐานะโฆษกกระทรวงคมนาคมกล่าวว่า วันที่ 25 ส.ค. 2568 จะเปิดให้ลงทะเบียนจะทำผ่านแอปพลิเคชัน "ทางรัฐ" โดยไม่มีการจำกัดจำนวนผู้ลงทะเบียนและไม่มีวันปิดรับสิทธิ์ ประชาชนสามารถทยอยลงทะเบียนได้อย่างสบายใจ ไม่จำเป็นต้องรีบแย่งกันลงทะเบียน สำหรับผู้ที่ต้องการรับสิทธิ์ต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทย มีเลขบัตรประชาชน 13 หลัก และสามารถลงทะเบียนบัตรได้คนละ 2 ใบ คือ บัตร EMV Contactless (Visa/Mastercard) ได้ 1 ใบ และ บัตร Rabbit Card ได้ 1 ใบ
การใช้งานในระยะแรกจะครอบคลุมเส้นทางรถไฟฟ้าที่สำคัญเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนบัตร Rabbit Card สามารถใช้บริการได้บน 4 สาย ได้แก่ สายสีเขียว , สายสีทอง, สายสีเหลือง และสายสีชมพูและ บัตร EMV Contactless สามารถใช้บริการได้บน 6 สาย ได้แก่ สายสีแดง, สายสีน้ำเงิน, สายสีม่วง, สายสีชมพู, สายสีเหลือง และแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ (ARL) ระบบจะคิดค่าโดยสารสูงสุดเพียง 20 บาทตลอดสาย ทำให้การเดินทางเชื่อมต่อระหว่างสายต่างๆ เป็นไปอย่างราบรื่นและประหยัดยิ่งขึ้น
สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี ที่ต้องการลงทะเบียน เนื่องจากเข้าเงื่อนไขของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) สามารถลงทะเบียนได้ที่ห้องจำหน่ายตั๋วโดยสารประจำสถานีรถไฟฟ้าทุกสถานี เป้าหมายของนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายต้องการลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนและช่วยแก้ปัญหาการจราจรของกรุงเทพฯ ประชาชนในกรุงเทพฯ จะหันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะมากยิ่งขึ้น ปัจจุบันนี้มีผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าทุกสายต่อวันรวม 1.7 ล้านคนต่อเที่ยว ซึ่งหากเริ่มใช้จริงแล้ว คาดว่าจำนวนผู้โดยสารจะเพิ่มมากกว่า 20%
จับตากฎหมาย 3 ฉบับ รองรับรถไฟฟ้า 20 บาท
การผลักดันโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทของรัฐบาล กระทรวงคมนาคมได้เสนอกฎหมาย 3 เรื่อง ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางราง พ.ศ. …., ร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. …. และร่างพระราชบัญญัติการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน แห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. คาดว่าการพิจารณาจะสามารถจบได้ภายในสัปดาห์หน้า เมื่อ พ.ร.บ. 3 ฉบับนี้พิจารณาแล้วเสร็จจะมาสนับสนุนรถไฟฟ้า 20 บาท
โดยเมื่อวันที่ 20 ส.ค. 2568 ได้มีการนำร่างกฎหมายทั้ง 3 ฉบับ เข้าพิจารณาในสภา โดย พ.ร.บ.การขนส่งทางราง ผ่านการพิจารณาของสภา วาระ 2 และ 3 แล้ว ด้วยคะแนนเห็นด้วย 396 เสียง จากผู้ลงมติ 399 เสียง และขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา พ.ร.บ.การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม ส่วน พ.ร.บ.การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย คาดว่าจะมีการพิจารณาต่อในสัปดาห์หน้า
การแก้ไขร่าง พ.ร.บ.การรถไฟฟ้าฯ เป็นเรื่องสำคัญที่จะส่งผลต่อการดำเนินนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เนื่องจากมีการแก้ไขมาตรา 8 โฌดยยกเลิกความในมาตรา 65 แห่งพ.ร.บ.การรถไฟฟ้าฯ พ.ศ.2543 “รายได้ที่รฟม.ได้รับ สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานตามวรรคหนึ่ง ให้รวมถึงเงินที่รฟม.จ่ายเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินการในกรณีที่มีการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมในบริการขนส่งสาธารณะที่เกี่ยวข้องกับกิจการรถไฟฟ้า
ขณะที่ในอนาคตมั่นใจว่า ปริมาณผู้โดยสารจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน เนื่องจากนโยบายดังกล่าวช่วยลดค่าครองชีพในการเดินทางให้กับประชาชน อีกทั้งยังเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะอย่างเท่าเทียม มีความปลอดภัย สะดวก รวดเร็ว และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จำนวนรถยนต์บนถนนลดลง ลดอุบัติเหตุ และมลพิษทางอากาศอย่างมีนัยยะสำคัญด้วย โดยมอบหมายให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จัดทำระบบขนส่งรอง (ฟีดเดอร์) โดยจะนำรถประจำทางมาใช้วิ่งระยะสั้น เพื่อรับ-ส่งประชาชนตามแนวรถไฟฟ้า เพื่อเพิ่มความสะดวกในการเดินทางมากขึ้น
ใช้บัตรไหนแตะเข้า-ออกเพื่อรับสิทธิ
สำหรับบัตรที่สามารถลงทะเบียนและใช้งานแตะเข้า-ออกระบบรถไฟฟ้า เพื่อรับสิทธิ ‘รถไฟฟ้า 20 บาท’ มีดังนี้ บัตรแรบบิท (Rabbit Card) บัตรแรบบิท (Rabbit Card) ที่สามารถลงทะเบียนร่วมมาตรการนี้ได้ ต้องเป็นประเภท ABT (Account-based Ticketing) หรือบัตรแรบบิทที่ผูกกับกระเป๋าเงิน แรบบิท วอลเลต (Rabbit Wallet) หรือกระเป๋าเงิน ไลน์ เพย์ (Line Pay) ครอบคลุมการใช้งานในระบบรถไฟฟ้าสายสีเขียว สายสีทอง สายสีเหลือง และสายสีชมพู โดยบัตรแรบบิท ที่เป็นประเภท ABT แล้ว จะสามารถเชื่อมต่อข้อมูลกับระบบเคลียริ่ง เพื่อการชำระค่าโดยสารรถไฟฟ้า กรณีเดินทางข้ามสาย ตามมาตรการรถไฟฟ้า 20 บาท ที่จะเริ่มขึ้นตั้งแต่ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป อย่างไรก็ดี ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 บัตรแรบบิทที่ใช้ลงทะเบียนรับสิทธิผ่านแอปทางรัฐ จะไม่สามารถใช้เที่ยวเดินทางจากแพ็กเกจได้
ทั้งนี้ ระบบ ABT (Account-based Ticketing) คือ ระบบของบัตรโดยสารที่มีการเก็บข้อมูล ประวัติการเดินทางไว้ในระบบเชิร์ฟเวอร์ ทำให้สามารถตรวจสอบรายการโดยสารได้ด้วยตนเองผ่านเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่น หรือเติมเงินผ่านแอปพลิเคชั่นได้โดยตรง แตกต่างจากระบบ CBT (Card-based Ticketing) ที่ข้อมูลจะอยู่เฉพาะในบัตร ต้องอาศัยการแตะบัตรกับสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์ของสถานีรถไฟฟ้า เพื่อตรวจสอบข้อมูล รวมถึงการเติมเงินที่ต้องปรับมูลค่าบัตรที่เครื่องในสถานีรถไฟฟ้า (อ้างอิงข้อมูลจาก Facebook Wayfinding Bangkok)
โครงการ "รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย" ถือเป็นนโยบายเรือธงของรัฐบาล หวังลดภาระค่าครองชีพยุคเศรษฐกิจฝืดเคือง กระตุ้ให้ประชาชนหันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะมากขึ้น ปัจจุบันดำเนินการนำร่องไปแล้วในรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสายสีแดง ขณะนี้เดินหน้าผลักดันรถไฟฟ้าในเส้นทางอื่นๆ ให้เข้าร่วมโครงการรถไฟฟ้า 20 ตลอดสาย เมื่อแจ้งเปิดให้ลงทะเบียนใช้สิทธิ์วันที่ 25 ส.ค. ที่จะถึงงนี้ แน่นอนว่า วันที่ 1 ตุลาคม ต้องจับตาดูว่าคนกเมืองจะได้ใช้บริการรถไฟฟ้าในเส้นทางอื่นหรือไม่