พรสวรรค์ครบพร้อมครองบัลลงดอร์! เปิดใจเหล่าอดีตโค้ชหลังได้เห็น ริโอ เอ็นกูโมฮา แจ้งเกิด
ดาวเตะวัย 16 ปี สวมบทซูเปอร์ซับซัดประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 90+10 นำ "หงส์แดง" เฉือน "สาลิกาดง" 3-2 โดยประตูนั้นทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์สโมสรที่ยิงประตูในเกมพรีเมียร์ลีก (16 ปี 361 วัน)
นอกจากนี้ เอ็นกูโมฮา ยังกลายเป็นแข้งอายุน้อยที่สุดอันดับ 4 ต่อจาก เจมส์ วอห์น (16 ปึ 270 วัน) ,เจมส์ มิลเนอร์ (16 ปี 356 วัน) และ เวย์น รูนี่ย์ (16 ปี 360 วัน) ที่ซัดประตูในพรีเมียร์ลีก ด้วย
จริงๆ แล้วความเก่งของ เจ้าหนูริโอ เป็นสิ่งที่ ซาอูล อิซัคส์สัน-เฮิร์สต์ อดีตคุณครูโรงเรียน และโค้ชของเขาตอนที่อยู่ในอะคาเดมี่ เชลซี ทราบเป็นอย่างดี เพราะได้เห็นพรสวรรค์ของนักเตะรายนี้มาตั้งแต่วัยละอ่อน
ด้วยประสบการณ์ในระดับอะคาเดมี่มากกว่า 10 ปีที่สั่งสมมาจากการทำงานกับ เชลซี, อาร์เซน่อล และสเปอร์ส แน่นอนว่า อิซัคส์สัน-เฮิร์สต์ ได้เห็นเหล่าดาวรุ่งผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเข้ามาและจากไปตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยมีแข้งเยาวชนจำหนวนหลายร้อยคน หรืออาจจะเป็นพันราย ที่เคยอยู่ภายใต้การดูแลและคำแนะนำของเขา
อิซัคส์สัน-เฮิร์สต์ มีโอกาสได้บริหารจัดการกลุ่มนักเตะเยาวชนตอนที่เขาทำงานซีซั่นแรกที่ค็อบแฮม ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีทั้ง จามาล มูเซียล่า, ลีวาย โคลวิลล์ และ ติโน่ ลิฟราเมนโต้ ขณะที่ ไมกี้ มัวร์ ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมทีมกับ เจมส์ แมดดิสัน ที่เคยเปรียบเทียบเขากับ เนย์มาร์ กำลังสร้างความประทับใจในการเล่นให้กับ สเปอร์ส
อย่างไรก็ตามสำหรับตอนนี้ ไม่มีกลุ่มดาวรุ่งคนไหนที่จะเทียบชั้นกับ เอ็นกูโมฮา โดย อิซัคส์สัน-เฮิร์สต์ ซึ่งเป็นโค้ชให้กับเจ้าหนูริโอ ตั้งแต่ตอนที่ฝึกปรือฝีเท้ากับทีมรุ่นอายุต่ำกว่า 9 ปีเมื่อปี 2016
"เขาเป็นนักเตะที่พิเศษไม่เหมือนใคร" อิซัคส์สัน-เฮิร์สต์ กล่าว "ความสามารถของเขาในการครองบอล และวิธีการเลี้ยงผ่านคู่แข่งได้อย่างง่ายดายนั้นอยู่ในระดับที่เหนือกว่าใครทั้งหมด"
"ผมยังจำได้ว่า ในการแข่งขันทัวร์นาเมนต์ที่ฝรั่งเศส แม้ทีมของเราจะตกรอบตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม แต่เขาก็ยังสามารถคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ได้สำเร็จ เขาเป็นนักเตะที่ดีที่สุดที่ผมเคยเป็นโค้ชมาแบบทิ้งห่างคนอื่นอย่างไม่เห็นฝุ่น" อิซัคส์สัน-เฮิร์สต์ ระบุ
เกือบทศวรรษต่อมา โลกได้เห็นความสุยอดของ เอ็นกูโมฮา จากผลงานในแมตช์มันเดย์ไนท์ ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อเขากลายเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์ 133 ปีของ ลิเวอร์พูล ที่ยิงประตูได้ หลังลงเดบิวต์ให้กับ "หงส์แดง" ในเกมที่เซนต์ เจมส์ พาร์ค
หลังจากเกม อาร์เน่อ สล็อต กุนซือชาวดัตช์ ได้ยินหนึ่งในลูกทีมของเขาพูดว่าถ้าเป็นเขาคงจับบอลหนึ่งครั้งก่อนซัดผ่านตัว นิค โป๊ป แต่สำหรับ เอ็นกูโมฮา การใช้เวลาฝึกซ้อมหลายชั่วโมงกับพี่ชายของเขาที่สนามหญ้าเทียมในเพาเวอร์ลีก ช่วยเตรียมเขาให้พร้อมสำหรับช่วงเวลาแบบนี้
อิซัคส์สัน-เฮิร์สต์ และ อาร์เน่อ รวมทั้งโค้ชระดับสูงคนอื่นๆ มีส่วนช่วยในการสร้างรากฐานสำคัญให้กับพัฒนาการของ เอ็นกูโมฮา ทั้งในด้านแท็กติกและเทคนิค ช่วงแรกที่เชลซี และในปัจจุบันกับ "หงส์แดง" ผู้คนเหล่านี้ต่างก็มีบทบาทสำคัญต่อเส้นทางในการก้าวขึ้นมาสู่การเป็นแข้งอาชีพของเขา
ไม่ใช่แค่คนในวงการฟุตบอลเท่านั้นที่มีส่วนสำคัญในการหล่อหลอม เอ็นกูโมฮา ให้กลายเป็นนักเตะชั้นนำ เพราะมีหลายคนที่ช่วยปลุกปั้นตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็กน้อยเล่นฟุตบอลอยู่ในละแววถิ่นเกิด
ย้อนกลับไปสมัยเด็กๆ เอ็นกูโมฮา ใช้เวลาในการพัฒนาเชิงลูกหนังจากการเล่นฟุตบอลบนพื้นคอนกรีตที่โรงเรียนมัธยมศึกษาคิงส์ฟอร์ด คอมมิวนิตี้ ในเมืองนิวแฮม ตั้งอยู่ทางลอนดอนตะวันออก
เพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ หลังย้ายจาก เชลซี มาเล่นให้ ลิเวอร์พูล เมื่อช่วงซัมเมอร์ปี 2024 เอ็นกูโมฮา สร้างความประหลาดใจให้กับอดีตเพื่อนร่วมชั้นเรียน เมื่อปรากฏตัวที่งานพรอมของโรงเรียนมัธยมของพวกเขา สองปีหลังจากที่อำลาเพื่อนฝูงเพื่อเข้าร่วมอะคาเดมี่ในค็อบแฮม แน่นอนว่าสิ่งนี้สร้างความประทับใจมากๆ
"เขากลับมาที่งานพรอมของโรงเรียน ซึ่งมันไม่เคยเกิดขึ้นเวลาที่มีเด็กย้ายไปอยู่กับสโมสรฟุตบอลอาชีพ โดยเฉพาะถ้าพวกเขาต้องย้ายจาก ลอนดอน" วิลเลี่ยม บร็อบบี้ อดีตคุณครูของเขา กล่าว "เขาถ่ายภาพกับทุกคน และนั่นสะท้อนให้เห็นถึงบุคลิกของเขาได้เป็นอย่างดี เขาเป็นคนติดดินมากๆ"
นอกจากนี้ บร็อบบี้ ซึ่งเคยทำงานอยู่ที่ คิงส์ฟอร์ด เผยว่า เอ็นกูโมฮา เป็นเด็กที่สุภาพ และขี้อาย โดยมักใช้ฝีเท้าพูดแทนตัวเองในการทดสอบลูกหนังให้กับทีมประจำเขตในนิวแฮม ทีมที่เขาก็เป็นผู้จัดการ ซึ่งนั่นเป็นวันที่เขาจะไม่มีวันลืม
"นั่นเป็นครั้งแรกที่เราได้พบกัน" บร็อบบี้ กล่าว "เขามาทดสอบฝีเท้า และมันทำให้ผมทึ่งทันทีกับความสามารถด้านเทคนิคในการเล่นกับบอล ไม่มีใครจัดการเขาได้ เขามีลูกเล่นแพรวพราว, คล่องแคล่ว, รวดเร็ว และว่องไวพร้อมกับมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ อีกทั้งสามารถเล่นได้ทั้งสองฝั่งด้วย"
"เหนือสิ่งอื่นใดเขาสามารถยิงประตูได้ นั่นเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เขาเป็นจอมจบสกอร์ มีอยู่เกมหนึ่งเขาซัดแฮตทริกจากฟรีคิก ซึ่งเราชนะในเกมนั้น เขามีความสามารถในการเล่นลูกตั้งเตะได้อย่างสุดยอด"
ด้วยความสามารถของเขา ทำให้ เอ็นกูโมฮา มักจะได้ดวลกับนักเตะที่อายุมากกว่าเขาที่คิงส์ฟอร์ด ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดีจากการเล่นภายใต้ เทอร์รี่ โบบี้ อดีตโค้ชเยาวชนของเขาที่อะคาเดมี่ของเชลซี
"ย้อนกลับไปในช่วงนั้น เขาโดดเด่นกว่านักเตะคนอื่นๆ" โบบี้ กล่าวถึงตอนที่ เอ็นกูโมฮา อายุ 6 ขวบ "ทุกครั้งที่เขาได้สู้กับเด็กที่อายุมากกว่าหนึ่งปี มันเหมือนเป็นวันที่สนุกสุดๆ สำหรับเขาเลย"
"เขามีพรสวรรค์สูง เล่นได้ทั้งสองเท้า และมักสร้างผลกระทบต่อเกมอยู่เสมอ เขาเป็นนักเตะประเภทที่ทำให้ทุกคนต้องลุกขึ้นยืนทันทีที่บอลมาถึงเท้าเขา" โบบี้ กล่าว
เพียงไม่กี่ปีหลังจากนั้น โบบี้ กับ เอ็นกูโมฮา ได้กลับมาพบกันอีกครั้งในปี 2021 เมื่อทีมตัวแทนเขตนิวแฮมคว้าแชมป์ลอนดอน ยูธ เกมส์ "บางประตูที่เขายิงได้ในทัวร์นาเมนต์นั้นมันน่าเหลือเชื่อมาก" โบบี้ กล่าว "ผมอยากให้มีกล้องอยู่ตรงนั้น เพราะคลิปเหล่านั้นคงดังไปทั่วอินเทอร์เน็ต"
"อย่าลืมว่าเขาเล่นกับเด็กที่อายุมากกว่าหนึ่งปี ริโอ มีความสูงเพียงครึ่งหนึ่งของนักเตะส่วนใหญ่ในสนาม แต่เขากลับทำสิ่งที่เหนือกว่าเด็กคนอื่นๆ ที่ทำได้เพียงแค่ฝันเท่านั้น ไม่มีคำไหนที่จะอธิบายเขาได้ครบถ้วน แต่ผมคิดว่าวิธีที่ดีที่สุดในการอธิบายถึง ริโอ ก็คือคำว่า พิเศษ"
เพื่อตอกย้ำให้เห็นถึงความเก่งฉกาจของ เอ็นกูโมฮา นั้น ไค พาร์กินสัน โค้ชด้านสมรรถภาพซึ่งเคยทำงานร่วมกับดาวรุ่งพรสวรรค์มากมายในปัจจุบัน กล่าวถึงเจ้าหนูรายนี้หลังได้ร่วมงานกันตอนที่เขาอายุ 7 ขวบ
"คุณสามารถมองเห็นบางสิ่งที่พิเศษมากๆ ในตัวเขา ผมเติบโตมากับการเล่นและเป็นโค้ชนักเตะที่มีพรสวรรค์ในเจเนเรชั่นนี้หลายคน แต่ผมไม่เคยเห็นใครเก่งเท่ากับ ริโอ สิ่งที่ทำให้เขาโดดเด่นคือความสามารถในการควบคุมบอล และทุกสิ่งที่เขาทำก็รวดเร็วอย่างเหลือเชื่อ”
"ทั้งหมดนี้เกิดจากความสม่ำเสมอและชั่วโมงการฝึกซ้อมที่พี่ชายของเขา เจมส์ ฝึกกับเขานอกเวลาที่เชลซี พี่ชายช่วยทำให้เขาเฉียบคมและถ่อมตัว ซึ่งผลลัพธ์ก็คือความสำเร็จที่เราได้เห็นในปัจจุบัน" พาร์กินสัน กล่าว
เจมส์ เอ็มกูโมฮา พี่ชายของ ริโอ มีส่วนสำคัญในการพัฒนา ดาวรุ่งลิเวอร์พูลรายนี้ และทุกคนมักจะพูดถึงเขา เนื่องจาก เจมส์ ทำให้เจ้าหนูริโอเป็นผู้เล่นที่มีความรับผิดชอบ และฝึกซ้อมหนักเพื่อพัฒนาตนเอง
โบบี้ กล่าวถึง เจมส์ ว่า "ผมเริ่มงานตอนสี่โมงเย็นและเสร็จงานสองทุ่ม ริโอ จะอยู่ที่นั่นตลอดพร้อมกับพี่ชายของเขา บางครั้งเขาจะลงไปในสนามกรงของผมเพื่อร่วมฝึกดริลกับเด็กคนอื่นๆ สิ่งที่โดดเด่นก็คือ เจมส์ เป็นคนที่เข้มงวดกับเขามาก ทั้งคู่มีบางครั้งที่โต้เถียงกัน แต่ทุกอย่างล้วนมาจากเจตนาดี"
"เจมส์เห็นพรสวรรค์ของ ริโอ และอยากผลักดันให้เขาไปถึงศักยภาพสูงสุด ทั้งคู่ฝึกซ้อมกันอย่างไม่ลดละ ไม่ค่อยมีใครได้เห็นด้านนี้หรอก แต่มันเกิดขึ้นทุกวันในช่วงหลายปี สัปดาห์แล้วสัปดาห์เล่า วันแล้ววันเล่า ตั้งแต่ประมาณปี 2010 จนถึงปี 2018 และความสม่ำเสมอนั้นไม่เคยลดลงเลย"
ด้าน อิซัคส์สัน-เฮิร์สต์ กล่าวถึง เจมส์ ที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือน้องชายว่า "การที่เขาพัฒนาได้เยอะขนาดนี้ต้องยกเครดิตให้กับพี่ชายของเขา เขาทุ่มเทเกินร้อยเปอร์เซนต์เสมอ"
ขณะที่ วิลเลี่ยม บร็อบบี้ กล่าวเสริมว่า "พี่ชายของเขาทำงานหนักร่วมกับเขา และแม่ของเขาก็ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ด้วย ริโอ มีเครือข่ายคนรอบตัวที่เข้มแข็งมาก และนั่นก็สร้างความแตกต่างอย่างมากให้กับเขา"
สำหรับอนาคตของ เอ็นกูโมฮา นั้น โบบี้ มั่นใจว่านักเตะจะก้าวขึ้นไปติดทีมชาติอังกฤษ และอาจไปไกลถึงการคว้าบัลลงดอร์เลยทีเดีว "สำหรับผม ไม่มีอะไรต้องสงสัยว่า ริโอ จะสามารถติดทีมชาติอังกฤษได้ เขาเพิ่งอายุ 16 ปี และได้ซ้อมกับเล่นให้ทีมชุดใหญ่ลิเวอร์พูลแล้ว"
"ถ้าเขายังคงเดินไปตามเส้นทางนี้ พร้อมกับได้รับคำแนะนำที่เหมาะสม เขาจะพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง และดียิ่งขึ้นกว่าเดิม เขาเคยบอกกับตัวเองว่าอยากได้รางวัลบัลลงดอร์ พูดจากใจนะ เขาได้เล่นฟุตบอลอาชีพในวัยแค่ 16 ปี ถ้าเขาทำได้แบบนี้ต่อไป มีโอกาสที่จะเขาประสบความสำเร็จในอีก 10 ปีข้างหน้าแน่นอน" โบบี้ ระบุ
ขณะที่ บร็อบบี้ ก็เห็นพ้องตรงกันว่า เอ็นกูโมฮา จะสร้างตำนานในอนาคต "แน่นอนผมคิดว่าเขาจะติดทีมชาติอังกฤษ และบอกตามตรงผมคิดว่าเขามีดีพอที่จะได้บัลลงดอร์ซักวันหนึ่ง ริโอมีพรสวรรค์ทุกอย่าง สิ่งสำคัญก็คือเขาเป็นคนมุ่งมั่น สามารถก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของ ลิเวอร์พูล และทำประตูได้ด้วย"