"เรืองไกร" ยื่นสอบจริยธรรม "พิชัย" ปมเชิญ "ทักษิณ" เจรจาภาษีทรัมป์
วันที่ 13 กรกฎาคม 2568 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่า ตนได้ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS เพื่อขอให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง กรณีที่รับว่าเป็นคนเชิญ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มาร่วมประชุมทีมไทยแลนด์ และทีมที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี ที่บ้านพิษณุโลก ว่า
“จะเข้าข่ายมีพฤติการณ์ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมฯ ข้อ 8 ข้อ 11 ข้อ 12 ข้อ 14 ข้อ 17 หรือไม่”
เรืองไกร กล่าวว่า ในหนังสือมีข้อเท็จจริงที่นำมาพิจารณากับมาตรฐานทางจริยธรรมและแนวคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีจริยธรรม เป็นข้อ ๆ ดังนี้
ข้อ 1. การที่พิชัย ชุณหวชิร แถลงข่าวยืนยันข้อเท็จจริงต่อสื่อว่า “ผมได้เชิญทีมที่ปรึกษาบ้านพิษณุโลกมาร่วมประชุม และเห็นว่าทักษิณรู้เรื่องเหล่านี้ดี น่าจะให้ข้อคิดเห็นได้ดี จึงเชิญมาร่วมประชุมด้วย” นั้นจึงมีเหตุอันควรขอให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบจากข้อเท็จจริงดังกล่าว ในประเด็นที่จะเข้าข่ายมีพฤติการณ์ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมฯ หรือไม่
ข้อ 2. มาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 ข้อ 8 ข้อ 11 ข้อ 12 ข้อ 14 ข้อ 17 กำหนดว่า
ข้อ 8 ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบเพื่อตนเองหรือผู้อื่น หรือมีพฤติการณ์ที่รู้เห็นหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้ตำแหน่งหน้าที่ของตนแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ
ข้อ 11 ไม่กระทำการอันเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม
ข้อ 12 ยึดมั่นหลักนิติธรรม และประพฤติตนอยู่ในกรอบศีลธรรมอันดีของประชาชน
ข้อ 14 รักษาไว้ซึ่งความลับในการประชุม การพิจารณาวินิจฉัย รวมทั้งเคารพต่อมติของที่ประชุมฝ่ายข้างมาก และเหตุผลของทุกฝ่ายอย่างเคร่งครัด
ข้อ 17 ไม่กระทำการใดที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่ง
ข้อ 3. จากข้อเท็จจริงตามข่าวกับมาตรฐานทางจริยธรรมดังกล่าว กรณีจึงมีเหตุอันควรพิจารณาจากแนวคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีจริยธรรมที่ผ่านมาว่า การกระทำของพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ที่รับว่าเป็นผู้เชิญทักษิณ ชินวัตร มาร่วมประชุมในงานราชการฝ่ายบริหารนั้น จะเข้าข่ายมีพฤติการณ์ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมฯ ในข้อต่าง ๆ หรือไม่ เช่น จะเข้าข่ายเป็นการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความไม่ซื่อสัตย์สุจริตหรือไม่ จะเข้าข่ายกระทำการอันเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม หรือไม่ จะเข้าข่ายเป็นการไม่ยึดมั่นหลักนิติธรรม และไม่ประพฤติตนอยู่ในกรอบศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือไม่ จะเข้าข่ายเป็นการไม่รักษาไว้ซึ่งความลับในการประชุม หรือไม่ จะเข้าข่ายกระทำการใดที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่ง หรือไม่ เป็นต้น
ข้อ 4. การกระทำดังกล่าวเป็นการก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีนั้น จริยธรรมข้อนี้หมายถึง การรักษาชื่อเสียงของตำแหน่งหน้าที่รัฐมนตรี และการไม่ประพฤติปฏิบัติตนหรือดำเนินการอื่นใดที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ และเกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงของผู้ดำรงตำแหน่งและองค์กรของผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี หรือไม่ (เทียบเคียงจากคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีจริยธรรม)
ข้อ 5. การกระทำดังกล่าวของพิชัย ชุณหวชิร จะเป็นการแสวงหาประโยชน์จากทักษิณ ชินวัตร ซึ่งได้กล่าวไว้เมื่อวันที่ 9 ก.ค. 2568 ในงาน 55 ปี NATION ผ่าทางตันประเทศไทย ในทำนองที่ยอมรับว่าเป็นคนสั่งรัฐบาลเองหรือไม่ ทั้งนี้ ขอให้ ป.ป.ช. นำคลิปรายการดังกล่าวที่มีเผยแพร่ทั่วไปมาเป็นหลักฐานด้วย
ข้อ 6. กรณีดังกล่าว ป.ป.ช. ควรรีบดำเนินการตามอำนาจหน้าที่โดยเร็ว ทั้งนี้ เพื่อป้องกันมิให้มีกรณีที่รัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีอาจไปเชิญบุคคลภายนอกมาหารือข้อราชการในกิจการงานของรัฐมนตรี หรือกระทั่งในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี โดยอ้างเหตุผลที่ไม่มีข้อกฎหมายมารองรับในโอกาสต่อไปได้อีก