'พิชัย' แจงนักลงทุน ย้ำเร่งปิดดีลเอฟทีเอไทย-อียู ในปี'68 สร้างแต้มต่อการค้า 2 ฝ่าย
‘พิชัย’ แจงนักลงทุน ย้ำเร่งปิดดีลเอฟทีเอไทย-อียู ในปี68 สร้างแต้มต่อการค้า2ฝ่าย
วันที่ 30 มิถุนายน นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ปาฐกถาในงาน EABC Luncheon: Advancing Trade, Investment, and FTAs in a Shifting Global Landscape จัดโดยสมาคมการค้ายูโรเปียนเพื่อธุรกิจและการพาณิชย์(European Association for Business and Commerce: EABC) ณ โรงแรมดิ แอทธินี กรุงเทพฯ ที่มีผู้แทนภาคธุรกิจยุโรป สมาชิก EABC และผู้แทนทางการทูต เข้าร่วมงานคับคั่ง
นายพิชัย กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยภายใต้การนำของรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ภาคการส่งออกของไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเศรษฐกิจไทยซบเซามานานกว่า 10 ปีที่ผ่านมา การส่งออกเฉลี่ยเติบโตเพียง 1.9% ต่อปี แต่หลังจากรัฐบาลชุดปัจจุบันเข้าบริหารประเทศ มีการลงทุนไหลเข้ามากถึง 2.58 ล้านล้านบาท และการส่งออกช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาของรัฐบาลนี้ ขยายตัว 13.3% เป็นตัวเลขสูงที่สุด ไม่เห็นตัวเลขนี้นับ 10 ปี ขณะที่ช่วง 5 เดือนแรกปี 2568 ขยายตัวสูงถึง 14.9% โดยเฉพาะเดือนพฤษภาคมเติบโตถึง 18.4% สะท้อนถึงแนวโน้มเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัว และคาดว่าตัวเลขเดือนมิถุนายนจะดีเช่นกัน
นายพิชัย กล่าวต่อว่า รัฐบาลมุ่งส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการลงทุนในอุตสาหกรรมศักยภาพสูง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น แผงวงจรพิมพ์ (PCB) และเซมิคอนดักเตอร์ รวมถึงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล เช่น ดาต้าเซ็นเตอร์และ AI ซึ่งจะช่วยยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ ทั้งนี้ ประเทศไทยให้ความสำคัญกับการค้าระหว่างประเทศและการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) อย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การดึงดูดการลงทุน และสร้างความเข้มแข็งให้กับภาคการส่งออกของประเทศ โดยเฉพาะในช่วงที่โลกกำลังเผชิญความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจภูมิรัฐศาสตร์ และภาษีทรัมป์
นายพิชัย กล่าวถึงความคืบหน้าการเจรจา FTA ไทย–สหภาพยุโรป (EU) ว่า เป็นหนึ่งในลำดับความสำคัญสูงสุดของรัฐบาลไทย และได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชน ความตกลง FTA ฉบับนี้จะเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างไทยกับยุโรป ขยายการค้า การลงทุน และการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทาน เห็นว่าการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนและนักธุรกิจยุโรปจะช่วยให้การเจรจา FTA ไทย-EU สำเร็จลุล่วงไปได้อย่างราบรื่น
ทั้งนี้ การเจรจารอบที่ 6 เพิ่งเสร็จสิ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีความคืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญ โดยข้อยุติใน 3 บท ได้แก่ วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) การค้ากับการพัฒนาอย่างยั่งยืน (TSD) และอุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า (TBT) ส่งผลให้มีบทที่สรุปแล้วทั้งหมด 7 บท ขณะเดียวกันได้เริ่มหารือหัวข้อสำคัญอย่างการเปิดตลาดแล้ว
“ความสำเร็จของการเจรจา FTA ไทย–EU ไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากรัฐบาลเพียงฝ่ายเดียว แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนของทั้งสองฝ่าย ผมจึงขอความร่วมมือและการสนับสนุนจากท่านเพื่อให้เราสามารถสรุปความตกลงฉบับนี้ได้ภายในสิ้นปีนี้ และสร้างผลประโยชน์ร่วมกันในระยะยาว” นายพิชัย กล่าว
สำหรับความตกลงการค้าเสรี ไทยมี FTA ที่มีผลบังคับใช้แล้ว 14 ฉบับ ครอบคลุม 18 ประเทศทั่วโลก และได้เจรจาเสร็จสิ้นอีก 3 ฉบับกับศรีลังกา EFTA และภูฏาน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างกระบวนการให้สัตยาบัน โดยเฉพาะ FTA ไทย–EFTA ซึ่งเป็นความตกลงฉบับแรกกับประเทศในยุโรป ถือเป็นก้าวสำคัญในการขยายความร่วมมือทางการค้า
สำหรับสมาคมการค้ายูโรเปียนเพื่อธุรกิจและการพาณิชย์ (EABC) เจ้าภาพจัดงานครั้งนี้ ก่อตั้งเมื่อปี 2554 โดยความร่วมมือของหอการค้ายุโรป องค์กรธุรกิจยุโรป และนักธุรกิจในประเทศไทยกว่า 130 ราย อาทิ DHL, Airbus, AstraZeneca, PepsiCo และ L’Oral วัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนบรรยากาศการค้าและการลงทุนของยุโรปในไทย และใช้ไทยเป็นประตูสู่ตลาดอาเซียน ส่วนด้านการค้า ช่วงเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2568 EU เป็นคู่ค้าอันดับ 4 ของไทย รองจากจีน สหรัฐฯ และญี่ปุ่น มีมูลค่าการค้ารวม 18,092.23 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 0.57% โดยไทยส่งออกไปEU 10,696.81 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 8.86% ไทยนำเข้าจาก EU 7,395.41 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 9.40% ไทยได้ดุลการค้ากับ EU 3,301.40 ล้านเหรียญสหรัฐ
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ‘พิชัย’ แจงนักลงทุน ย้ำเร่งปิดดีลเอฟทีเอไทย-อียู ในปี’68 สร้างแต้มต่อการค้า 2 ฝ่าย
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th