“เกาะสีชัง” สุดปัง เกาะถ่ายบิกินี่แห่งปี กับ 10 ที่เช็กอินไม่ควรพลาด
“ทะเลลุกเป็นไฟ” เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับ “เกาะสีชัง” ในยุคนี้ พ.ศ.นี้ ที่จากเดิมเป็นเกาะท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และสายมูใกล้กรุงฯ สู่เกาะแห่งการถ่ายแบบชุดบิกินี่สุดปังแห่งปี 2568 ดึงดูดทั้งสาวน้อย สาวกลาง สาวใหญ่ สาวสอง ให้ไปถ่ายแบบอวดโฉม เรือนร่าง ทรวดทรง โพสต์ลงโซเชียลกันอย่างคึกคัก จนทำให้เกิดบรรดา “อาหวัง” ตามไปเที่ยวที่เกาะแห่งนี้กันไม่น้อย
อย่างไรก็ตามเกาะสีชังใช่ว่าจะมีดีแค่จุดถ่ายบิกินี่เท่านั้น แต่บนเกาะแห่งนี้ยังมีสถานที่น่าสนใจให้เช็คอินกันอย่างอยากหลายครบรส ทั้งสายธรรมชาติ สายประวัติศาสตร์ศิลปวัฒนธรรม สายศรัทธา รวมถึงสายท่องเที่ยวเรียนรู้ที่เป็นอีกหนึ่งของดีซ่อนเร้นบนเกาะแห่งนี้
และนี่ก็คือ 10 จุดเช็กอินไฮไลต์ไม่ควรพลาดบนเกาะสีชัง ที่จะมีที่ไหนบ้างขอเชิญทัศนากันได้
1.ประภาคารเกาะสีชัง
เดิมเกาะสีชังมี “อัษฎางค์ประภาคาร” ที่สร้างขึ้นเมื่อ 130 กว่าปีที่แล้ว ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2434 ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ในบริเวณส่วนปลายสุดของ “แหลมวัง” ทำให้ชาวบ้านนิยมเรียกกันว่า “ประภาคารแหลมวัง”
ต่อมาเมื่อประภาคารหลังเดิมทรุดโทรม จึงมีการก่อสร้าง “ประภาคารเกาะสีชัง” หลังใหม่ขึ้นใกล้ ๆ กับท่าเรือ เทวงษ์ (ท่าล่าง) เมื่อนั่งเรือจากบนฝั่งท่าเกาะลอย อ.ศรีราชา มาถึงยังเกาะสีชัง จะมองเห็นประภาคารเกาะสีชังเป็นแลนด์มาร์กตั้งโดดเด่นมองเห็นมาแต่ไกล
ประภาคารเกาะสีชังหลังนี้มีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร คือ หอประภาคารด้านบนสร้างเป็นสถาปัตยกรรมทรงเก๋งจีน และในช่วงหัวค่ำจะมีการเปิดไฟ 7 สีประดับประภาคารอย่างสวยงาม
2.ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่
ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญและมีชื่อเสียงของเกาะสีชัง ตั้งอยู่บนเขาคยาศิระ ตัวศาลเจ้าเป็นวิหารแบบจีนขนาดใหญ่ มี “เจ้าพ่อเขาใหญ่” เป็นองค์เทพประธาน มีลักษะพิเศษแตกต่างจากเทพเจ้าจีนทั่วไปในบ้านเรา เนื่องจากเป็นประติมากรรมหินงอกหินย้อยตามธรรมชาติ รูปร่างเหมือนศีรษะและใบหน้าคนดูน่าเกรงขาม ตั้งอยู่ภายในถ้ำบนเขากลางทะเล หันหน้าไปทางทิศตะวันออกที่มีน้ำ (ทะเล) อยู่ข้างหน้า ซึ่งตามตำราจีนถือว่าศักดิ์สิทธิ์มาก
นอกจากเจ้าพ่อเขาใหญ่แล้ว บริเวณศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่น ๆ ให้สักการะกันอีกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ศาลเจ้าแม่กวนอิม ศาลเจ้าพ่อเสือ ศาลแปดเซียน เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ย พระสังกัจจายน์ และเจ้าพ่อเห้งเจีย เป็นต้น
ใครที่เดินบันไดหลายขั้นขึ้นเขาไม่ไหวที่นี่เขาก็มีรถรางให้บริการจากด้านล่างขึ้นสู่ถ้ำองค์เจ้าพ่อเขาใหญ่
ความโดดเด่นอีกอย่างหนึ่งของศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่คือที่นี่เป็นจุดชมวิวมุมสูงชั้นดีที่สวยงามของเกาะสีชัง เมื่อมองลงไปจะเห็นท้องทะเลกว้างไกล ฝั่งบนเกาะ (ฝั่งขวา) มีอาคารบ้านเรือนเรียงราย มองเห็นท่าเรือยืนยาวไปในทะเล มีเรือโดยสารและเรือประมงจอดอยู่เต็มท่า รวมถึงมองเห็นประภาคารเกาะสีชังตั้งโดดเด่นดูสะดุดตาอยู่ไกล ๆ
3.รอยพระพุทธบาทเกาะสีชัง
รอยพระพุทธบาทเกาะสีชัง ประดิษฐานอยู่ในมณฑปรอยพระพุทธบาท บนไหล่เขาพระจุลจอมเกล้า ตั้งอยู่ไม่ไกลจากศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ (สามารถไปได้ในเส้นทางเดียวกัน) แต่อยู่บนเขาสูงขึ้นไปอีก โดยมีถนนขึ้นไปถึงบนเขาได้เลย
รอยพระพุทธบาทแห่งนี้ สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ท่านได้รอยพระพุทธบาทศิลาโบราณมาจากอินเดีย รัชกาลที่ ๕ จึงโปรดเกล้าฯ ให้นำขึ้นไปประดิษฐาน บนไหล่เขาพระจุลจอมเกล้าไว้เป็นที่สักการะบูชา อีกทั้งยังได้พระราชทานชื่อไหล่เขาที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทแห่งนี้ว่า “ไหล่คยาสิระแห่งเขายอดพระจุลจอมเกล้า” อีกด้วย
ใครที่มาเยือนเกาะสีชังหากมีโอกาสไม่ควรพลาดการขึ้นไปกราบสักการะรอยพระพุทธบาทบนเขาเพื่อเป็นสิริมงคล นอกจากนี้ในบริเวณนี้ยังมีองค์เจดีย์ตั้งโดดเด่นอยู่ริมหน้าผาให้สักการะ รวมถึงเป็นจุดชมวิวเกาะสีชังมุมสูงที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง
4.พระจุฑาธุชราชฐาน
“พระจุฑาธุชราชฐาน” เป็นพระราชวังบนเกาะเพียงแห่งเดียวของประเทศไทย สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๕ ราวปี พ.ศ.2432 เพื่อใช้เป็นที่ประทับแปรพระราชฐานของพระองค์ และพระราชวงศ์ ในอดีตที่นี่ขึ้นชื่อในเรื่องของความเป็นสถานที่ตากอากาศและพักฟื้นยอดนิยม ใครเจ็บป่วยไม่แข็งแรงเมื่อได้มาพักผ่อนพักฟื้นที่นี่อาการก็จะทุเลาลง
กระทั่งเกิดกรณีพิพาทระหว่างไทยกับฝรั่งเศส รศ.112 ซึ่งมีกองทหารบุกขึ้นเกาะสีชังและปิดอ่าวไทย การก่อสร้างพระที่นั่งและตำหนักต่าง ๆ ทำให้การก่อสร้างพระราชวังแห่งนี้ต้องยุติลง
ปัจจุบันสิ่งก่อสร้างภายในพระจุฑาธุชราชฐานที่ยังหลงเหลืออยู่ ถูกรักษาไว้ในสภาพดีมีมนต์เสน่ห์ของความสวยงามคลาสสิกและความขลังของสถานที่ ไม่ว่าจะเป็นเรือนไม้ริมทะเล ตึกผ่องศรี ตึกอภิรมย์ ตึกวัฒนา พระอุโบสถวัดอัษฎางคนิมิต ฐานพระที่นั่งมันธาตุรัตน์โรจน์ และ “สะพานอัษฎางค์” อันสุดคลาสสิก
นอกจากนี้ภายในพระจุฑาธุชราชฐานยังโดดเด่นไปด้วยต้นลั่นทมหรือต้นลีลาวดี ที่ปลูกกันเรียงรายเป็นซุ้มลีลาวดี ที่ยามออกดอกจะให้สีขาวสะพรั่งสวยงาม ส่งกลิ่นหอมกระจายไปทั่วบริเวณ
สำหรับดอกลีลาวดีนั้นถือเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเกาะสีชัง ที่มีการปลูกต้นลีลาวดีกันทั่วไปบนเกาะแห่งนี้
5.สะพานอัษฎางค์
“สะพานอัษฎางค์” ตั้งอยู่ริมทะเลบริเวณด้านหน้าของพระจุฑาธุชราชฐาน ตัวสะพานสร้างด้วยไม้สักทาสีขาวสะอาดตา (ยกเว้นทางเดิน) มีศาลาทรงปั้นหยา 3 หลังบริเวณหัว กึ่งกลาง และปลายสะพาน ถือเป็นสะพานไม้อันสุดคลาสสิกและเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของเกาะสีชัง
สะพานอัษฎางค์ตั้งชื่อตามพระนามของ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าอัษฎางเดชาวุธฯ สร้างขึ้นใน พ.ศ.2434 ด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ของรัชกาลที่ 5 เพื่อใช้เป็นท่าเทียบเรือเพื่อให้ราษฎรชาวเกาะสีชังลงจากเรือโดยไม่ต้องฝ่ากาบหอยหรือหินแหลมคมที่มีอยู่เยอะบริเวณชายฝั่ง
ปัจจุบันสะพานอัษฎางค์ได้รับฉายาว่าเป็น“สะพานแห่งรัก” เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความรักความห่วงใยที่รัชกาลที่ ๕ มีต่อชาวเกาะสีชัง อีกทั้งยังถูกคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 25 Unseen New Chapters ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ซึ่งใครที่มาเที่ยวเกาะสีชัง มักจะไม่พลาดการมาถ่ายรูปกับสะพานแห่งนี้ด้วยประการทั้งปวง
6.ช่องเขาขาด
“ช่องเขาขาด” หรือ “ช่องอิศริยาภรณ์” มีลักษณะเป็นแนวชายหาดหินทอดยาว มีทางเดินทอดตัวยาวลงสู่เบื้องล่างลดระดับไปตามไหล่เขา โดยทางเดินสายนี้ 2 ข้างทางประดับประดาไปด้วยดวงไฟหงส์ไปจนสุดสาย
ที่นี่เป็นจุดชมวิวและจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดบนเกาะสีชัง ในวันที่ฟ้าเป็นใจจะเห็นพระอาทิตย์ดวงกลมแดงตกในทะเลอย่างสวยงาม
นอกจากนี้ช่องเขาขาดยังมีมุมเก๋ ๆ มุมคลาสสิกให้ถ่ายรูปกันหลายจุดด้วยกัน รวมถึงมีฝาท่อ “กระรอกเผือก” เป็นตัวการ์ตูนน่ารักยืนคู่กับ “สะพานอัษฎางค์” ให้สังเกตและถ่ายรูปกันที่หน้าสะพานโคมไปหงส์อีกด้วย
7.หาดถ้ำพัง
7.หาดถ้ำพัง
“หาดถ้ำพัง” หรือ “อ่าวอัษฎางค์” เป็นหาดหนึ่งเดียวบนเกาะสีชังที่เป็นแนวหาดทรายโค้งยาวสามารถลงเล่นน้ำได้ เดิมที่นี่เป็นหาดทรายตามธรรมชาติ แต่ปัจจุบันทางเทศบาลเกาะสีชังได้ทำการปรับปรุงพื้นที่ ให้เป็น Waterfront มีระเบียงชมวิว ทางลาดอารยสถาปัตย์สำหรับผู้พิการ ร้านอาหาร คาเฟ่ พื้นที่เล่นน้ำ ซึ่งหลายคนบอกว่ามีบรรยากาศคล้ายต่างประเทศ
ที่หาดถ้ำพังยังมี มีร่ม เบาะที่นั่ง เตียงชายหาด เรือคายัค ไว้ให้บริการแก่นักท่องเที่ยวในราคาไม่แพง โดยทางเทศบาลระบุว่าจะนำเงินเหล่านี้กลับมาพัฒนาเกาะสีชังต่อไป
8.ถ้ำทะลุ
ถ้ำทะลุ มีลักษณะทางธรณีเป็นช่องหลืบซอกหินริมทะเล ที่หาดมองถูกมุมจะเห็นซอกหินเหลื่อมกันดูเป็นช่อง (ถ้ำ) ทะลุริมทะเล นอกจากนี้ก็ยังมีช่องหลืบด้านบนในลักษณะเพิงถ้ำมีรากไม้ห้อยระโยงทะลุลงมา โดยมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ให้ผู้ผ่านไป-มา สักการะบูชา
เดิมถ้ำทะลุถือเป็นมุมลับของเกาะสีชังที่นักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งนิยมมาตกปลาและชมพระอาทิตย์ตกที่นี่ แต่ปัจจุบันถ้ำทะลุเป็นจุดถ่ายรูปเช็กอินสุดปัง โดยเฉพาะจุดถ่ายแบบ ถ่ายบิกินี่ ที่บางวันมีนักท่องเที่ยวไปรอต่อแถวถ่ายแบบที่นี่กันคิวยาวล้นขึ้นมาถึงด้านบน ซึ่งที่นี่จะมีเต็นท์ (ฟรี) ไว้ให้นักท่องเที่ยวเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วย
นอกจากนี้บริเวณถ้ำทะลุยังเป็นจุดที่สามารถพบ “อาหวัง” สัญชาติไทยได้เยอะที่สุดในยุคนี้ พ.ศ. นี้
9.แหลมจักรพงษ์
แหลมจักรพงษ์ หรือแหลมถ้ำพัง ตั้งอยู่ใกล้ ๆ กับถ้ำทะลุ เป็นแนวหินใหญ่ริมทะเล เป็นอีกหนึ่งจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามบนเกาะ มีจุดเด่นคือชะง่อนหินที่ยื่นแหลมลงไปในทะเล
วันนี้แหลมจักรพงษ์ ถือเป็นอีกหนึ่งจุดถ่ายรูปยอดฮิตน้อง ๆ ถ้ำทะลุ ที่มีคนมาถ่ายภาพบุคคล และถ่ายวิวทิวทัศน์ กันเป็นจำนวนมาก
10.ธนาคารสัตว์ทะเล
“ศูนย์เรียนรู้ธนาคารสัตว์ทะเลเกาะสีชัง โดยชุมชน เพื่อชุมชนยั่งยืน” ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี หรือที่หลายคนเรียกสั้น ๆ ว่า “ธนาคารปูม้า เกาะสีชัง” หรือ “ธนาคารสัตว์ทะเล” มีภารกิจหลักคือการฟื้นฟูทรัพยากรและระบบนิเวศชายฝั่งทะเลภายใต้สโลแกน “ทะเลไทยหัวใจของชาติ”
ผู้มาเยือนที่นี่ (ฟรี) นอกจากจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับการดำเนินงานธนาคารปูม้า และธนาคารสัตว์ทะเลต่าง ๆ ของศูนย์อย่างเป็นระบบตามหลักวิชาการแล้ว ยังได้ชมตู้ปลาการ์ตูนหลากหลายสายพันธุ์ ตู้ลูกปลาปักเป้า บ่อปลา ปูม้า เต่าทะเล ฉลามกบ และบ่อปลูก อนุบาลปะการัง รวมถึงไฮไลต์ตู้ปลาใหญ่จัดแสดงปะการังที่กรมสมเด็จพระเทพฯ ทรงปลูกเมื่อเดือนพฤษภาคม 2562 ด้วย
นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังสามารถร่วมทำบุญปล่อยไข่หมึก ไข่ปูม้าฟรี รวมถึงปล่อยลูกปูม้าระยะและฟัก ลูกหมึกระยะแลก (เสียเงินนิดหน่อย) กลับคืนสู่ทะเล หรือกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมทะเลไทยอื่น ๆ ที่ทางศูนย์มีบริการก็สามารถทำกันได้ตามใจชอบ
และนี่ก็คือ 10 จุดไฮไลต์สถานที่ท่องเที่ยวบนเกาะสีชัง ซึ่งสามารถเก็บจุดต่าง ๆ เหล่านั้นได้หมดแบบสบาย ๆ ภายในทริประยะสั้น 2 วัน 1 คืน แต่ถ้าหากใครติดใจอยากอยู่เพิ่ม อยากหามุมลับ ๆ ถ่ายรูปเพิ่ม หรืออาหวังที่ยังไม่สมหวังก็สามารถเที่ยวอยู่ต่อบนเกาะสีชังกันได้ตามที่ต้องการ
#######################
เกาะสีชัง เป็นเกาะใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดในอำเภอเกาะสีชัง (อำเภอที่เล็กที่สุดในประเทศไทย) จังหวัดชลบุรี เกาะสีชังตั้งอยู่ใกล้กรุงเทพฯ มากที่สุด โดยมีระยะทาง 117 ก.ม. จากกรุงเทพฯ และ 12 ก.ม. จากชายฝั่ง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
การเดินทางสู่เกาะสีชัง นักท่องเที่ยวสามารถลงเรือได้ที่ท่าเรือเกาะลอย อำเภอศรีราชา ซึ่งมีให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 07.00-18.00 น. ออกทุก 1 ชั่วโมง และมีเรือออกจากเกาะสีชังเริ่มตั้งแต่เวลา 06.30 น.- 18.00 น. ออกทุก 1 ชั่วโมง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที ค่าโดยสาร ประชาชนทั่วไป 60 บาท ข้าราชการในพื้นที่ อ.เกาะสีชัง 40 บาท นักเรียน 10 บาท
การท่องเที่ยวบนเกาะสีชังมีทั้ง การเช่ารถมอเตอร์ไซค์ขับเที่ยว (สำหรับผู้ที่ขับเป็น) นั่งรถสกายแล็ป และนั่งรถ 2 แถวรับจ้าง (ไม่ประจำทาง) แม้เกาะสีชังจะโด่งดังเรื่องเกาะถ่ายบิกินี แต่การท่องเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ ก็ต้องดูกาลเทศะ ความเหมาะสม ให้เกียรติสถานที่นั้น ๆ
ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานพัทยา โทร 038-427-667 หรือดูที่ Facebook: ททท.สำนักงานพัทยา
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO