"คุณแม่โอ๋" ไม่กดดัน "โต๋ ศักดิ์สิทธิ์" เรื่องมีลูก พร้อมเปิดสูตรชีวิตวัยเกษียณ
เวลาไปไหนมาไหน มีคนชมคุณแม่
โต๋ : ผมสนิทกับคุณแม่มากตั้งแต่เด็ก ๆ คุณแม่เป็นคนแบบพาขับรถพาไปเรียนเปียโนตั้งแต่เด็ก ๆ ทุกสเต็ปในการใช้ชีวิตของเรา คุณแม่ก็จะสอนมาตั้งแต่เด็ก ๆ พอโตขึ้นมา เราเข้าวงการคุณแม่ก็จะช่วยดูแลโน้นนี่ แต่พอเราเริ่มมีรายการออนไลน์ แล้วพอชวนคุณแม่มาทำรายการ กลายเป็นเวลาไปที่ไหนคุณแม่ไม่ต้องไปด้วยเลย เจอหน้าผมปุ๊บ แม่มาเปล่า ถามถึงแต่แม่ตอนนี้ครับ อยากเจอคุณแม่มาก คนจะพูดถึงคุณแม่
บ้านของโต๋กับคุณแม่ยังอยู่ในบริเวณเดียวกัน ถึงแม้แต่งงานแยกไปอยู่กับน้องไบร์ทแล้ว ยังเดินไปมาหากันได้ไหม
โต๋ : ติดกันเลยครับ เดินถึงกันได้เลย
แม่โอ๋ : ไม่แยกครัวค่ะ ใช้ครัวเดียวกัน
โต๋ : บ้านผมก็มีครัวนะ แต่ถามว่าทำเองทำไม เพราะมีคุณแม่อยู่ตรงนี้ทำให้ การกลับมากินข้าวที่บ้าน มันก็ได้รสชาติแบบที่เราคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็ก
ความสุขของแม่โอ๋ในตอนนี้คืออะไร
แม่โอ๋ : ในวัยนี้ ลูก ๆ ก็โตกันหมดแล้ว เป็นฝั่งเป็นฝา การงานก็ดี มีชีวิตเป็นของเขา ทีนี้เราก็ต้องมีชีวิตของเราเองบ้าง อยากไปไหน อยากทำอะไรก็ทำ อย่างคุณนคร เขาก็มีของเขา ชอบตกปลาก็ไปตกปลา เราไม่เอาหรอกค่ะ ไม่ชอบออกแดด แพ้แดด หน้าแพง เราชอบ ไปกินข้าวกับเพื่อน ฟังเพลง คุยกันสนุก ๆ เสื้อผ้า หน้าผม ผิวพรรณนี่เป็นเรื่องหลักเลยค่ะ
ห่วงคุณแม่เรื่องอะไรบ้าง
โต๋ : จริง ๆ ก็ห่วงแค่เรื่องสุขภาพ เราก็คุมให้แม่ด้วยส่วนหนึ่ง นอกนั้นไม่ห่วงเลย คุณแม่จะไปเที่ยว จะไปปาร์ตี้กับเพื่อน กลับดึกยังไงไม่ว่า แต่ถ้าผมกลับจากคอนเสิร์ตดึก ๆ แล้วแม่ยังไม่กลับ ผมนี่โทรเลย คุณแม่อยู่ไหน ยังไม่ถึงบ้านเหรอ ผมเล่นคอนเสิร์ตจบแม่ยังไม่กลับบ้าน จริง ๆ แล้วเรามีความสุขกับสิ่งนี้มากครับ จะไปกิน ไปเที่ยวที่ไหนไปเลย คือเราแบบคุณแม่เดี๋ยวเตรียมรถตู้ให้ มีคนขับคนช่วยดูแลให้คุณแม่ อยากจะไปไหนคือเรา เราดีใจเราไปส่งด้วย ถ้าเราว่างเราไปส่งเราไปรับได้ คืออยากให้เขาเอนจอยกับชีวิตครับ
ลูกๆ แยกย้ายไปมีครอบครัว บางคนอาจจะรู้สึกเหงา น้อยใจที่ลูกหลานไม่ค่อยแวะมาดูแล แม่โอ๋มีวิธีดูแลความรู้สึกตัวเองยังไง
แม่โอ๋ : ลูกเขาก็ต้องมีชีวิตของเขา มีครอบครัวของเขา ต้องไปดูแลครอบครัวของตัวเอง หน้าที่เราเสร็จแล้ว ลูกโตหมดแล้ว เราก็ต้องหันกลับมาห่วงตัวเอง ใช้ชีวิตของเราให้มีความสุข อยากไปเที่ยวก็ไป ไปกินข้าวกับเพื่อน ไปฟังเพลง ไปดูหนัง อยากทำอะไรก็ทำ อย่าไปกังวลเขา เพราะเขามีความสุขแล้ว เราก็ต้องหาความสุขของเราเอง ถ้ามัวแต่น้อยใจ เราจะเครียด จะรู้สึกแก่ลง เพราะงั้นออกไปใช้ชีวิต
อยากฝากอะไรถึงลูก ๆ ที่อาจจะยุ่งกับงานจนไม่มีเวลาดูแลคุณพ่อคุณแม่บ้างไหม
โต๋ : ผมเข้าใจทั้ง 2 ฝ่าย ผมเข้าใจลูก ๆ ด้วยที่งานยุ่ง ผมเองก็ยุ่ง แล้วเราเข้าใจดีว่าการที่เราเริ่มทำงาน การที่เรามีความฝัน แล้วคนรุ่นใหม่สมัยนี้เรามีความฝันแล้วเราอยากจะสร้างอะไรของตัวเองเยอะ มันจะเหนื่อย แล้วมันก็จะแบกรับความกดดันอะไรหลาย ๆ อย่าง ผมเข้าใจเลย ผมแค่จะบอกว่า อย่าลืมว่าเวลาทุกคนมีจำกัด เวลาที่เราพยายามจะตามความฝันของเรา เราก็มีช่วงเวลานั้น อย่าลืมว่าเวลาของเราที่มันเดินไปข้างหน้า เวลาของคุณพ่อคุณแม่เราก็เดินไปข้างหน้าเหมือนกัน แบ่งเวลาให้ดี ๆ แค่นี้เลย เพราะว่าวันนึงเราจะไม่เสียดายเลย เพราะว่าเราได้ใช้เต็มที่
แม่โอ๋ห่วงเรื่องหลานด้วยไหม
แม่โอ๋ : ไม่อยากกดดัน แต่ถามทุกวันเลย เมื่อไหร่จะมี
แพลนไหม หรือว่าปล่อยเข้าไปตามธรรมชาติ
โต๋ : ก็คิดครับ มีในใจกันบ้างครับ คือเราทำงานกันหนัก แล้วผมคิดว่าทุกคนก็ต้องมีเป้าหมายในชีวิตว่า เราจะทำอะไรกัน เราก็มีแพลนคร่าว ๆ ในใจ อยากจะทำไป Next Step ต่อไปในชีวิตเราจะเป็นยังไง
ฝากเคล็ดลับการดูแลตัวเองในวัยเกษียณ
แม่โอ๋ : ก็ปล่อยวางค่ะ อยากทำอะไรก็ทำเลย อย่าไปห่วงลูกมาก เขาโตแล้ว เขามีชีวิตของเขา เราก็ต้องดูแลสุขภาพและอารมณ์ของเราเอง อย่าวีนลูกบ่อย ไม่ต้องไปยุ่งกับเขาเยอะ ครอบครัวเขาก็เรื่องของครอบครัวเขา อย่าไปชำเลืองบ่อย มองตรง ๆ
ที่มารายการ "Tuck Talk"