‘เจมส์’ เปิดใจขายที่ดิน 60 ไร่ ไม่ใช่พิษเศรษฐกิจ ยันเป็นเรื่องธุรกิจ-กำลังเรียนรู้อาชีพใหม่
เรียกได้ว่าสร้างเสียงฮือฮาให้กับชาวเน็ตอยู่ไม่น้อย หลังจากนักร้อง-นักแสดงชื่อดัง “เจมส์-เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์” ได้ออกประกาศขายที่ดินแปลงที่มีขนาดกว้างขวางถึง 60 ไร่ ตั้งอยู่ที่ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช โดยเป็นที่ดินที่มีระบบสาธารณูปโภคครบครัน ทั้งไฟฟ้า ประปา และระบบน้ำ นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นที่ทำให้เป็นที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุน นั่นคือบนที่ดินมี สวนปาล์มน้ำมัน 55 ไร่ และ สวนส้มโอทับทิมสยาม 5 ไร่ ที่ให้ผลผลิตอย่างเต็มที่ จนหลายคนให้ความสนใจ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด เจมส์ เรืองศักดิ์ ได้ควงภรรยาคนเก่ง “ครูก้อย-นัชชา ลอยชูศักดิ์” พร้อมลูกสาวสุดน่ารัก “น้องเมดา-อันโดรเมดา ลอยชูศักดิ์” เข้าร่วมงานประกาศผลรางวัล “ดาราอินไซด์ อวอร์ด รางวัลนาคราชครั้งที่ 7” และได้รับรางวัล “นาคราช สาขาศิลปินครอบครัวตัวอย่างยอดเยี่ยมแห่งปี” นอกจากนี้ครอบครัวได้เปิดใจถึงประเด็นการประกาศขายที่ดินด้วย
เจมส์ เรืองศักดิ์ เผยว่า “ตอนนี้น้องเมดาอายุ 6 ขวบแล้ว ก็ถือว่าเขามีพัฒนาการค่อนข้างดี ทั้งเรื่องของร่างกายที่เขาสูงกว่าวัยปกตินิดนึง ทรงมาเหมือนพ่อ แล้วก็เรื่องของความคิดสร้างสรรค์ก็จะมีค่อนข้างมาก ถ้าฟังเขาได้เขาจะฟัง 24 ชั่วโมงเหมือนกัน (ฉายแววศิลปินหรือยัง?) จริงๆ เริ่มแล้วเขาชอบร้องเพลงครับ
เรื่องประกาศขายที่ดิน ตัดสินใจเพราะตั้งใจทำมาขายอยู่แล้ว เพราะว่าตอนนี้เราเริ่มต้นเรียนรู้อาชีพใหม่ก็คือนักพัฒนาที่ดิน เราก็ตัดสินใจซื้อที่ดินแปลงนี้มาสัก 2 ปีแล้ว แล้วเราก็เข้าไปพัฒนาสร้างเป็นผลผลิตขึ้นมา จากเป็นที่ดินที่มีสวนเกษตรที่ยังไม่มีผลผลิต แล้วก็ไปสร้างจนมีผลผลิต รายได้เดือนนึงก็เป็นหลักแสน แล้วตั้งใจว่าพัฒนาแล้วก็จะขายต่อเลย เพราะมันคืออาชีพนักพัฒนาที่ดินเพื่อการขาย ไม่ใช่เพราะพิษเศรษฐกิจ เดี๋ยวยังมีอีก คือเป็นอาชีพครับ จริงๆ แล้วทุกธุรกิจที่ทำอยู่ทุกธุรกิจถามว่ามีผลกระทบมั้ย มีแต่ไม่มาก แต่ว่าอันนี้ไม่ได้ขายเพราะว่ามีพิษเศรษฐกิจ เราขายเพราะเราเป็นนักพัฒนาที่ดิน ซึ่งยังมีอีกหลายที่ตอนนี้ก็เดี๋ยวก็จะมีอีก (เราสะสมที่ดินเยอะมาก?) ก็อย่าเรียกว่าเยอะเลยครับ ก็พอจะมีทำไปทีละแปลง (พันไร่ถึงมั้ย?) ไม่ถึงครับ ตอนแรกจะทำแบบขายพร้อมสิ่งปลูกสร้างนะ จะทำเป็นพูลวิลล่าที่นครศรีธรรมราช แต่พอเราเห็นเศรษฐกิจ 2-3 ปีนี้แล้ว โปรเจกต์สร้างบ้านเอาไว้ก่อน ตอนนี้ผมว่าที่ดินสวนเกษตรน่าจะมา เพราะว่าสวนเกษตรมันเป็นอะไรที่โดยเฉพาะตอนนี้ปีนี้เป็นปีที่ภาษีส่งออกมันค่อนข้างชัดเจน ดังนั้นมันชัดเจนเราจึงเอาตรงนี้มาขายก่อน”
ด้านครูก้อย นัชชา เผยว่า “เมื่อก่อนซื้อเพราะชอบ ตอนหลังเรามองว่ามันปล่อยมันก็ได้ราคา ก็เลยอันไหนสวยๆ เราก็ซื้อเก็บ แต่ถ้าโอกาสดีเราก็ขาย เราไม่ซีเรียสว่าต้องเก็บไว้ตลอด ปกติครูก้อยก็เป็นเจ้าของเพจ ก็ยังคงทำตรงนี้อยู่ตลอด แล้วตอนนี้ก็มาทำช่องคู่กันกับพี่เจมส์และก็มีผลิตภัณฑ์หลายๆ ตัว ส่วนเรื่องการขายที่ดินมันเป็นธุรกิจซื้อมาขายไป เราไม่ได้จัดว่ามันจะต้องเป็นธุรกิจอะไรขนาดนั้น แต่ว่าเราเป็นคนชอบซื้อที่ดิน พอเวลาเราเห็นที่ดินไหนเหมาะเราก็จะซื้อ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะซื้อแล้วเก็บไว้เป็นมรดกลูกหลาน ถ้าเราขายแล้วมันเก็งกำไรแล้วมันขายได้เราก็ขาย พอเรามองเห็นตรงนี้เราก็บอกพี่เจมส์ว่าอันนี้มันเป็นธุรกิจได้นะ (ธุรกิจนี้เริ่มจากครูก้อย?) ที่ที่ก้อยกับพี่เจมส์ซื้อรับรองครูก้อยการันตีว่าสวยหมด เพราะเวลาเราซื้อเราคิดว่าเราซื้อเพื่อที่จะเป็นของตัวเองทั้งหมด มันจะต้องสวยมาก เหมือนที่หาดก็จะเป็นหัวหาดเลย เพราะเราคิดจะสร้างบ้านตรงนั้น แต่พอเรามองว่าไม่ต้องสร้างบ้านก็ได้เพราะส่วนใหญ่เราอยู่กรุงเทพฯ เวลาเราไปเที่ยวเราก็ไปเช่าโรงแรมอยู่ก็ได้ ถ้าสมมุติเราปั้นที่ให้มันดูดี เคลียร์พื้นที่เสร็จแล้วเพิ่มมูลค่า มันก็จะเป็นอีกอาชีพหนึ่งของเราได้เลย แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ขายที่ตรงหาด”.