สหรัฐฯ เก็บภาษีกาแฟบราซิล 50% ส่งสัญญาณ ‘กาแฟแพง’ กระทบผู้บริโภคเต็มๆ
การตัดสินใจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในการเก็บภาษีนำเข้ากาแฟจากบราซิลในอัตรา 50% ซึ่งจะมีผลในวันที่ 6 สิงหาคมนี้ ได้ส่งแรงกระเพื่อมทันทีในห่วงโซ่อุปทานกาแฟโลก ทั้งที่บราซิลถือเป็นผู้ผลิตและผู้ส่งออกกาแฟรายใหญ่ที่สุดของโลก และสหรัฐฯ เป็นประเทศผู้นำเข้ารายใหญ่ที่สุด คิดเป็นปริมาณมากถึง 25 ล้านถุงต่อปี โดยหนึ่งในสามของปริมาณดังกล่าวนำเข้าจากบราซิล ซึ่งมูลค่าการค้ากาแฟระหว่างสองประเทศสูงถึง 4.4 พันล้านดอลลาร์ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา
เมื่อการค้ากาแฟระหว่างบราซิลกับสหรัฐฯ สั่นสะเทือน การเปลี่ยนเส้นทางส่งออกของบราซิลจึงเป็นสิ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ นักวิเคราะห์ชี้ว่าผู้ได้รับประโยชน์โดยตรงจะเป็นจีนและสหภาพยุโรป โดยเฉพาะจีนที่มีแนวโน้มบริโภคกาแฟเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง กลายเป็นตลาดดาวรุ่งที่ผู้ส่งออกบราซิลหันไปจับตาอย่างใกล้ชิด
ข้อมูลจากสมาคมผู้ส่งออกกาแฟบราซิล (Cecafe) ระบุว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 บราซิลส่งออกกาแฟไปยังจีนมากถึง 538,000 ถุง ขณะที่ข้อมูลอุตสาหกรรมชี้ว่าการบริโภคกาแฟในจีนเติบโตเฉลี่ย 20% ต่อปีในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา และอัตราบริโภคต่อหัวเพิ่มขึ้นเท่าตัวภายในเวลาเพียง 5 ปี ปรากฏการณ์นี้สะท้อนพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ในจีนที่หันหลังให้ชาแบบดั้งเดิม เพื่อมองหาคาเฟอีนในรูปแบบใหม่ที่แรงกว่า
สหภาพยุโรปก็ถือเป็นอีกหนึ่งตลาดที่อาจได้รับผลเชิงบวก เนื่องจากไม่มีการเก็บภาษีกาแฟจากบราซิล เปิดโอกาสให้ผู้ผลิตจากบราซิลเร่งเจาะตลาดยุโรปมากขึ้น ขณะที่นักวิเคราะห์บางรายมองว่า ผู้ส่งออกกาแฟจากบราซิลอาจหันมาใช้วิธี “ขนส่งทางอ้อม” โดยอาจส่งกาแฟไปยังประเทศที่สาม เช่น เม็กซิโกหรือปานามา ก่อนจะนำเข้าสหรัฐฯ เพื่อลดผลกระทบจากภาษีลงเหลือเพียง 10-15% แม้จะมีต้นทุนโลจิสติกส์เพิ่มขึ้นก็ตาม
“หากไม่มีระบบติดตามแหล่งที่มาของสินค้าอย่างเข้มงวด ภาษีก็ไม่มีความหมาย” รองประธานฝ่ายพาณิชย์ของบริษัท AFEX กล่าว พร้อมเปรียบเทียบว่า “เราหยุดน้ำมันไม่ได้ แล้วจะหยุดกาแฟได้อย่างไร”
ในฝั่งของผู้ประกอบการสหรัฐฯ เองก็เริ่มเคลื่อนไหวรับมือกับวิกฤตที่กำลังจะเกิดขึ้น ซีอีโอของ Downeast Coffee Roasters เปิดเผยว่าขณะนี้เขากำลังเร่งขนส่งกาแฟบราซิลที่สั่งซื้อไว้ล่วงหน้าออกจากอเมริกาใต้ก่อนเส้นตายวันที่ 6 สิงหาคม เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี และจะหันไปหาซัพพลายเออร์จากอเมริกากลางหรือแอฟริกาแทน แม้จะยอมรับว่าการแย่งชิงซัพพลายจะทำให้ราคากาแฟในสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
การเก็บภาษีกาแฟครั้งนี้ยังถูกมองว่าเป็น “การเมืองระหว่างประเทศ” มากกว่าจะเป็นประเด็นด้านเศรษฐกิจล้วน ๆจูดิธ เกนส์ นักวิเคราะห์สินค้าเกษตรอิสระ ระบุว่า การที่กาแฟไม่ได้รับการยกเว้นภาษีเหมือนกับสินค้าบราซิลรายการอื่น สะท้อนว่าทรัมป์จงใจใช้กาแฟเป็นเครื่องมือต่อรองกับรัฐบาลลูลา ซึ่งมีจุดยืนตรงข้ามกับทรัมป์อย่างชัดเจน โดยล่าสุดสหรัฐฯ ได้คว่ำบาตร อาเล็กซังดรี จิ โมราเอส ผู้พิพากษาศาลฎีกาบราซิล ที่เคยมีคดีความกับ ฌาอีร์ โบลโซนาโร อดีตประธานาธิบดีบราซิลและพันธมิตรทางการเมืองของทรัมป์
ไมเคิล เจ. นูเจนต์ นายหน้าค้ากาแฟรายใหญ่ของสหรัฐฯ สรุปภาพรวมของสถานการณ์ได้อย่างชัดเจนว่า “เส้นทางการค้ากาแฟของโลกกำลังจะถูกพลิกโฉม ตั้งแต่เซาเปาโลถึงซีแอตเทิล ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ตั้งแต่ไร่กาแฟถึงร้านกาแฟและผู้ดื่มยามเช้า”