UREKA เคลียร์ชัด! เหตุการณ์ในอดีต ไม่เกี่ยวผู้บริหารปัจจุบัน เดินหน้าธุรกิจน้ำประปา – เม็ดพลาสติกรีไซเคิลต่อเนื่อง ตอกย้ำธรรมาภิบาล โปร่งใส-สร้างการเติบโตยั่งยืน
บมจ.ยูเรกา ดีไซน์ (UREKA) แจงกรณี ก.ล.ต.ลงโทษทางแพ่งต่อบุคคลภายนอก 6 ราย เป็นเหตุการณ์ในอดีต ไม่กระทบผู้บริหารชุดปัจจุบัน ย้ำยึดหลักธรรมาภิบาล-ความโปร่งใสเป็นหัวใจของการบริหารงาน พร้อมเดินหน้าโครงการน้ำประปา และธุรกิจเม็ดพลาสติกรีไซเคิล ต่อยอดสร้างรายได้ประจำ มั่นใจศักยภาพเติบโตระยะยาวตอบโจทย์ Green Economy และ Net Zero
นางสาวรินทร์ณฐา เอกอัศวภิรมย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูเรกา ดีไซน์ จำกัด (มหาชน) (UREKA) เปิดเผยว่า จากกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ลงโทษทางแพ่งต่อบุคคลภายนอก 6 ราย ในข้อหาร่วมกันสร้างราคาหรือปริมาณการซื้อขายหุ้น UREKA ในช่วงปี 2563 ทั้งนี้ประเด็นดังกล่าวเป็นเรื่องการดำเนินคดีทางแพ่งบุคคลภายนอก ไม่ได้เกี่ยวของกับบริษัทฯหรือคณะกรรมการชุดปัจจุบัน อีกทั้งคณะกรรมการและผู้บริหาร ยังมีความมุ่งมั่นตั้งใจในการบริหารจัดการให้เป็นไปตามแผน
"ขอยืนยันว่า กรณีดังกล่าวเป็นเหตุการณ์ในอดีตที่เกิดขึ้นเมื่อกว่า 5 ปีที่แล้ว โดยบุคคลที่ถูกดำเนินคดีเป็นบุคคลภายนอก ซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องกับคณะกรรมการ ผู้บริหาร หรือพนักงาน แต่อย่างใด และบริษัทฯ ไม่เคยมีนโยบาย หรือมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำที่ขัดต่อกฎหมายหรือกฎเกณฑ์ของ ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทฯให้ความสำคัญสูงสุดต่อหลักธรรมาภิบาล ความโปร่งใส และความเชื่อมั่นของนักลงทุนเสมอมา อีกทั้งเรื่องนี้ไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินงาน ฐานะทางการเงิน หรือทิศทางธุรกิจในปัจจุบันแต่อย่างใด บริษัทฯมีความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างเต็มที่ และสร้างมูลค่าระยะยาวให้แก่ผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน"
สำหรับ บริษัทฯ ยังคงเดินตามแผนอย่างเต็มกำลัง โดยเฉพาะธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำประปา ที่ยังคงมีศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และจะมีบทบาทที่สำคัญมากยิ่งขึ้นในอนาคต มีแผนขยายกำลังการผลิต พร้อมต่อยอดสู่โครงการใหม่ๆ ร่วมกับภาครัฐผ่านรูปแบบ PPP (Public-Private Partnership) โดยตั้งเป้าเพิ่มฐานรายได้ประจำจากสัญญาระยะยาวอีก 100–200% ซึ่งจะช่วยเสริมความมั่นคงของรายได้ และขยายบทบาทในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในระดับพื้นที่มากยิ่งขึ้น ด้านเม็ดพลาสติกรีไซเคิล ก็จะขยายตลาดจากจีนไปสู่ตลาดอาเซียน เพื่อรับกับดีมานด์จากภาคอุตสาหกรรมที่ให้ความสำคัญกับ Green Supply Chain และ Net Zero มากขึ้น พร้อมทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีมูลค่าเพิ่ม ตอบโจทย์ตลาดที่ต้องการวัตถุดิบรีไซเคิลคุณภาพสูง